ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
  • พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
  • twitter
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
ดำ อ.2697/2564
แดง อ.1290/2566

ผู้กล่าวหา
  • ไม่ทราบชื่อ (ตำรวจ)
ผู้ถูกดำเนินคดี

ข้อหา

  • พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
  • twitter
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)

หมายเลขคดี

ดำ อ.2697/2564
แดง อ.1290/2566
ผู้กล่าวหา
  • 1

ความสำคัญของคดี

เวหา แสนชนชนะศึก ชาวพิษณุโลกวัย 37 ปี ถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝน ver. เกรี้ยวกราด” ที่ทวิตข้อความในช่วงวันที่ 4-5 ส.ค. 2564 เล่าเรื่องไสยศาสตร์ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพรัชกาลที่ 9 และเล่าประสบการณ์การถูกทำโทษจากการปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ด้วยการคุมขังในเรือนจำชั่วคราวพุทธมณฑล หรือที่ถูกเรียกว่า “คุกวังทวีวัฒนา” จนเกิดเป็นกระแสแฮชแท็ก #แอร์ไม่เย็น ในทวิตเตอร์

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการตีความมาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับถูกตีความอย่างกว้าง ซึ่งขัดต่อหลักกฎหมายอาญาที่ต้องตีความอย่างเคร่งครัดเนื่องจากมีบทลงโทษที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน

พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี

ชิสา ฉัตรงามอภิชาติ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 บรรยายคำฟ้องมีเนื้อโดยสรุปว่า

ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกไม่ได้ และมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน ทรงเป็นประมุขดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้

คำฟ้องบรรยายโดยสรุปว่า มีผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ชื่อ “lll ฟ้าฝน ver. เกรี้ยวกราด” ซึ่งพบว่าเป็นของจำเลย ได้ทำการหมิ่นประมาทหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยจำเลยได้พิมพ์และโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ รวม 3 โพสต์ กล่าวคือ

1. เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2564 โพสต์เรื่องราวไสยศาสตร์ในการจัดสร้างพระเมรุมาศและพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของรัชกาลที่ 9

2. เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2564 โพสต์เรื่องแนวคิดในการฝังบาตรแตกในระหว่างการจัดสร้างพระเมรุมาศเพื่อใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของรัชกาลที่ 9 และเหตุผลของรัชกาลที่ 10 ที่ไม่ขึ้นครองราชย์ในทันทีหลังการสวรรคตของรัชกาลที่ 9

3. เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2564 โพสต์เล่าประสบการณ์การถูกลงโทษหลังจากปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยถูกคุมขังในเรือนจำชั่วคราวพุทธมณฑล เขตทวีวัฒนา หรือที่ถูกเรียกว่า “คุกวังทวีวัฒนา” พร้อมระบุว่าตัวเองถูกปฎิบัติมีลักษณะ "ซ้อมทรมาน" ด้วย

ข้อความที่โพสต์ในทวิตเตอร์ดังกล่าวเป็นข้อความเท็จและเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยประการที่น่าจะทําให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง โดยจําเลยมีเจตนาทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนชาวไทย ทําให้เสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ซึ่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา

(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.2697/2564 ลงวันที่ 2 พ.ย. 2564)

ความคืบหน้าของคดี

  • เวลาประมาณ 13.00 น. ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 นำโดย พ.ต.ท.แทน ไชยแสง สว.กก.2 บก.ส.2, พร้อมด้วยตำรวจ สภ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก นำโดย พ.ต.ท.พงศ์พิสิษฐ์ ปัญญา สารวัตรปราบปราม (สวป.) เข้าจับกุม เวหา แสนชนชนะศึก อายุ 37 ปี ที่บ้านพักในพิษณุโลก ตามหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 195/2564 ลงวันที่ 10 ส.ค. 2564 ในข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3)

    ตำรวจยังได้ตรวจค้นบ้านและยึดของกลาง จำนวน 10 รายการ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง, Micro SD 1 อัน, ซิมโทรศัพท์ 6 อัน และกล่องโทรศัพท์ 2 กล่อง

    จากนั้นได้ควบคุมตัวไปที่ สภ.เนินมะปราง เพื่อทำบันทึกการจับกุม และจะส่งตัวไปดำเนินคดีที่กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (กก.1 บก.ปอท.) ต่อไป

    การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เวหาถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของบัญชีทวิเตอร์ “ฟ้าฝน ver. เกรี้ยวกราด” ซึ่งทวิตข้อความในช่วงวันที่ 4-5 ส.ค. 2564 เล่าประสบการณ์การถูกลงโทษหลังจากปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยถูกคุมขังในเรือนจำชั่วคราวพุทธมณฑล เขตทวีวัฒนา หรือที่ถูกเรียกว่า “คุกวังทวีวัฒนา” พร้อมระบุว่าตัวเองถูกปฎิบัติมีลักษณะ "ซ้อมทรมาน" ด้วย จนเกิดเป็นกระแสแฮชแท็ก #แอร์ไม่เย็น ในทวิตเตอร์

    ที่ผ่านมาเวหาเคยตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหา ยุยงปลุกปั่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา116 และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าโพสต์เรื่องนักกิจกรรมถูกจับก่อนจัดกิจกรรม “พิษณุโลกคนกล้าไม่ก้มหน้าให้เผด็จการ” โดยเขาให้ข่าวว่าถูกขังอยู่ถึง 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค. - 9 พ.ย.2563 แต่อัยการสั่งไม่ฟ้องใน 2 ข้อหาดังกล่าว

    (อ้างอิง: https://prachatai.com/journal/2021/08/94416)
  • ช่วงสาย เวหาถูกควบคุมตัวเข้ากรุงเทพฯ และไปที่ กก.1 บก.ปอท. โดยมีทนายความติดตามไปเพื่อเข้าร่วมกระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำ

    พนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์คดีว่า ก่อนเกิดเหตุตำรวจได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้สืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านและให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยพบว่าเมื่อระหว่างวันที่ 4-5 ส.ค. 2564 มีผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ "ฟ้าฝน ver.เกรี้ยวกราด" @abigblackdogis สร้างเมื่อเดือน พ.ย. 2560 ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพที่ไม่เป็นความจริงกล่าวหาใส่ร้ายสถาบันเบื้องสูง ทำนองว่า งมงายในด้านไสยศาสตร์ อันเป็นความผิดฐาน หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) เวหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

    จากนั้น พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อฝากขังเวหาผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้เหตุผลว่า ยังสอบสวนไม่เสร็จ ต้องสอบปากคำพยานจำนวน 7 ปาก, รอผลตรวจสอบของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด, รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษ พร้อมทั้งระบุไว้ท้ายคำร้องว่า ไม่คัดค้านการประกันตัว

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีญาติเดินทางมาทำเรื่องขอประกันเวหา หลังศาลอนุญาตให้ฝากขังจึงยังไม่มีการยื่นคำร้องขอประกันเวหา ทำให้เขาถูกส่งไปขังระหว่างสอบสวนที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ตามมาตราการกักตัวในช่วงโควิด

    (อ้างอิง: https://prachatai.com/journal/2021/08/94416)
  • ทนายความเข้ายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเวหา เสนอหลักประกันเป็นเงินสด 90,000 บาท พร้อมทั้งระบุเหตุผลที่สำคัญว่า

    1. ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตํารวจในการจับกุมแต่โดยดี มิได้ต่อสู้ขัดขวาง จึงไม่มีพฤติการณ์หลบหนีใด ๆ ผู้ต้องหามีภูมิลําเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอน จึงสามารถติดตามได้โดยง่าย อีกทั้งไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพลที่จะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ทั้งไม่เคยต้องโทษในคดีอาญาใด ๆ มาก่อน จึงไม่อาจไปก่ออันตรายประการอื่นได้
    2. ไม่ปรากฏเหตุและพฤติการณ์ใดๆ ของผู้ต้องหาที่เข้าเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ที่ศาลจะไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาแม้แต่น้อย
    3. ผู้ต้องหามีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาโรคประจำตัวอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ต้องหามีนัดต้องพบแพทย์ในวันที่ 21 ต.ค. 2564 เพื่อรับยาและตรวจติดตามอาการ การถูกคุมขังไว้ระหว่างสอบสวนส่งผลกระทบต่อการรักษาโรคของผู้ต้องหา

    ต่อมา อรรถการ ฟูเจริญ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา มีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเวหา โดยอ้างว่าในคำร้องที่ยื่นต่อศาลนั้น ลายมือและสีน้ำหมึกของผู้มอบฉันทะซึ่งเป็นทนายความผู้ยื่นทำเรื่องขอประกัน แตกต่างจากของผู้รับมอบฉันทะให้ฟังคำสั่งศาลในวันนี้

    โดยได้ระบุคำสั่งว่า “กรณีลายมือและสีหมึกในส่วนของผู้รับมอบฉันทะ แตกต่างจากสำนวนของผู้มอบฉันทะ โดยผู้มอบฉันทะไม่ได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้ จึงไม่อาจเชื่อได้ว่ามีผู้รับมอบฉันทะจริง”

    (อ้างอิง: คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวและคำสั่ง ศาลอาญา ลงวันที่ 1 ต.ค. 2564)

  • หลังทนายความเข้ายื่นประกันอีกครั้ง อรรถการ ฟูเจริญ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวตลอดถึงชั้นพิจารณาคดี ในวงเงินประกัน 90,000 บาท โดยให้ตั้งทนายความในคดีเป็นผู้กำกับดูแล และมีเงื่อนไขห้ามกระทำการในลักษณะที่ถูกกล่าวหาอีก นัดรายงานตัวต่อศาลในวันที่ 11 ต.ค. 2564

    เวหาได้รับการปล่อยตัวในช่วงค่ำ หลังถูกคุมขังระหว่างสอบสวนรวม 53 วัน โดยระหว่างนั้นเขาติดโควิด และถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์จนหาย และออกจากโรงพยาบาลในวันเดียวกันนี้
  • นายประกันยื่นคำร้องขอรายงานตัวแทนผู้ต้องหา เนื่องจากหลังได้รับการประกันตัว เวหาได้เดินทางกลับบ้านที่ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และต้องกักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วม การเดินทางยากลำบาก ไม่มีรถประจำทาง เวหาจึงไม่สามารถมารายงานตัวตามนัดได้
  • พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ยื่นฟ้องเวหาในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 กล่าวหาว่า ข้อความที่บัญชีทวิตเตอร์ “lll ฟ้าฝน ver. เกรี้ยวกราด” ซึ่งพบว่าเป็นของจำเลย โพสต์ในช่วงวันที่ 4-5 ส.ค. 2564 เป็นข้อความเท็จและเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยจําเลยมีเจตนาทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์

    พนักงานอัยการได้คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวมาในท้ายคำฟ้อง โดยระบุว่า เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงและเป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคง รวมถึงจําเลยยังเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจําเลยในคดีอาญาของศาลแขวงพิษณุโลก จึงขอให้ศาลนับโทษจําคุกของจําเลยในคดีนี้ต่อจากในคดีดังกล่าวด้วย

    (อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.2697/2564 ลงวันที่ 2 พ.ย. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/37455)
  • เวหาเดินทางไปรายงานตัวต่อศาลตามนัด หลังเข้าพบเจ้าหน้าที่ศาลจึงได้รับแจ้งว่า พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ได้ยื่นฟ้องคดีแล้ว

    ต่อมาทนายความได้ยื่นประกันตัวเวหา และศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี โดยใช้หลักทรัพย์ประกันเดิมที่เคยใช้ในชั้นสอบสวน เป็นจำนวน 90,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ พร้อมทั้งกำหนดนัดวันตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 20 ธ.ค. 2564 เวลา 09.00 น.

    (อ้างอิง: https://tlhr2014.com/archives/37455)
  • นัดพร้อมเพื่อประชุมคดี สอบคําให้การจําเลย ตรวจพยานหลักฐานและกําหนดวันสืบพยาน เวหา พร้อมผู้รับมอบฉันทะทนายจําเลยเดินทางไปศาล โดยทนายจําเลยยื่นคําร้องขอเลื่อนคดี เนื่องจากติดว่าความที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในคดีอื่นที่ได้นัดไว้ล่วงหน้าแล้ว โจทก์ไม่ค้าน ศาลจึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี สอบคําให้การจําเลย ตรวจพยานหลักฐานและกําหนดวันนัดสืบพยานในวันที่ 24 ม.ค. 2565 เวลา 09.00 น.

    (อ้างอิง: รายงานกระบวนพิจารณา ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.2697/2564 ลงวันที่ 20 ธ.ค. 2564)
  • นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14-16 มี.ค. 2566 สืบพยานจำเลยวันที่ 17 มี.ค. 2566
  • ที่ศาลอาญารัชดาฯ มีนัดไต่สวนถอนประกันเวหาในคดีนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2564 ศาลเคยมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวน ตลอดจนชั้นพิจารณาในวงเงิน 90,000 บาท พร้อมตั้งผู้กำกับดูแล และกำหนดเงื่อนไขว่า “ห้ามจำเลยกระทำการในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอีก”

    การไต่สวนครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2565 พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนได้ยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวจำเลย เนื่องจากเห็นว่าผิดเงื่อนไขการประกันตัว กรณีเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2564 เวหาได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับคำพิพากษาจำคุก “นรินทร์” ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ติดสติกเกอร์คำว่า “กูkult” ลงบนพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 โดยมีใจความว่า ตนและเพื่อนร่วมอุดมการณ์น้อมรับคำพิพากษาของศาล และจะปกป้องไม่ให้ใครผู้ใดมากระทำการอันมิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่่ 10 ด้วยการทำให้รูปที่อยู่ตามสถานที่สาธารณะมิให้ปรากฏอีกต่อไป ไม่ว่าจะที่ใดในประเทศนี้ เพื่อจะได้ไม่มีใครสามารถเอาสติกเกอร์ไปแปะให้ต้องเสื่อมพระเกียรติยศอีก พร้อมกับลงภาพประกอบข้อความที่เป็นภาพเวหาขณะยืนอยู่บนแท่นที่มีข้อความว่า “ทรงพระเจริญ” ซึ่งเป็นกรอบรูปเปล่า

    ที่ห้องพิจารณา 801 เวลา 10.03 น. ศาลออกพิจารณา และได้เบิกตัวเวหามาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ภายในห้องพิจารณาประกอบด้วยอัยการโจทก์ ทนายจำเลย จำเลย และพยานที่มาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำร้องขอถอนประกันมาศาล นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) จำนวนหนึ่งมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย

    ก่อนเริ่มการไต่สวน อัยการโจทก์แถลงว่า พร้อมนําพยานเข้าไต่สวน และขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจําเลย เนื่องจากจำเลยกระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวตามคําสั่งศาล

    ศาลสอบถามจําเลยในเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและเจตนาของจำเลยที่กระทำลงไป ด้านเวหาแถลงรับว่า ตนเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กโพสต์ข้อความดังกล่าวจริง สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2565 ศาลได้พิพากษาให้จําคุก “นรินทร์” กรณีที่นําสติกเกอร์คําว่า “กูkult” ไปติดลงบนพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งศาลได้ให้เหตุผลว่า เป็นการกระทําที่แสดงความยิ่งใหญ่เหนือกว่าพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพเทิดทูน ทําให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ

    จําเลยจึงได้แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะประมุขของชาติ จากการที่มีผู้นําสติกเกอร์ไปติดไว้บนพระบรมฉายาลักษณ์ และเพื่อเป็นการปกป้องไม่ให้ผู้ใดมากระทําเหตุอันไม่มิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ต่อไปอีก โดยการจะไม่ให้มีพระบรมฉายาลักษณ์ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ นอกจากนี้ จําเลยได้ชี้แจงว่าภาพกรอบรูปดังกล่าวนั้นเป็นกรอบรูปว่างเปล่า ไม่มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ส่วนตนก็ยืนอยู่บริเวณกลางกรอบรูป บนคําว่า “ทรงพระเจริญ”

    ในประเด็นนี้ ศาลถามเวหาว่า การกระทำดังกล่าวจำเลยเชื่อว่าไม่เป็นความผิดใช่หรือไม่ ด้านเวหาแถลงยืนยันว่า การกระทำดังกล่าว ไม่ได้เป็นการทําให้เสื่อมเสียพระเกียรติของพระเจ้าอยู่หัว และไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย เนื่องจากจําเลยยืนอยู่บนกรอบรูปเปล่า ซึ่งถูกทิ้งร้างไว้ที่องค์การบริหารส่วนตําบลแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ จำเลยพยายามแสดงให้เห็นว่า เมื่อเป็นกรอบรูปเปล่าแล้ว ก็จะไม่มีความหมายเท่ากับมีภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ต่อมา ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จําเลยแถลงให้การยอมรับข้อเท็จจริงตามคําร้องว่าเป็นผู้โพสต์แสดงความคิดเห็นดังกล่าวจริง ตลอดจนภาพชายที่ยืนอยู่บริเวณกรอบรูปว่างเปล่า ก็คือจําเลย กรณีนี้ถือว่าข้อเท็จจริงพอวินิจฉัยได้ ไม่จําต้องนําพยานเข้าไต่สวน จึงให้งดไต่สวน และรอฟังคําสั่งในวันนี้ เวลา 14.00 น.

    ภายหลังที่ศาลได้ออกจากห้องพิจารณาไปแล้ว ขณะที่เวหากำลังปรึกษาเรื่องคดีกับทนายความอยู่นั้น หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม ศปปส. ได้ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายรูปเวหาซึ่งอยู่ในชุดคุมขังนักโทษ และมีเครื่องพันธนาการอยู่ที่ข้อเท้า ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และตำรวจศาลจะรีบเข้ามากล่าวตักเตือน และขอให้ลบรูปดังกล่าวทิ้ง

    ต่อมา เวหาประสงค์จะดำเนินคดีกับสมาชิกกลุ่ม ศปปส. ที่แอบถ่ายรูปตนในห้องพิจารณา ขณะอยู่ในชุดนักโทษและสวมเครื่องพัฒนาการ เพราะเห็นว่าละเมิดสิทธิอย่างร้ายแรง ก่อนที่กลุ่ม ศปปส. จะพูดกดดันให้ตำรวจศาลรีบพาจำเลยลงไปที่ห้องเวรชี้

    ภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ศาลได้จัดทำบันทึกข้อความและสั่งให้ลบรูปดังกล่าว พร้อมกล่าวกับสมาชิกกลุ่ม ศปปส. ว่าศาลจะไม่ดำเนินคดี แต่หากรูปดังกล่าวไปปรากฏอยู่ในสื่อออนไลน์ ศาลจะตั้งข้อหาละเมิดอำนาจศาล ส่วนด้านเวหาติดใจจะขอให้มีการดำเนินคดีต่อไป

    ต่อมา เวลา 14.25 น. พลีส เทอดไทย ผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดียาเสพติด ได้มีคำสั่งให้ถอนประกันเวหา รายละเอียดคำสั่ง มีเนื้อหาดังนี้

    ศาลพิเคราะห์ว่าข้อความและเนื้อหาของจำเลยมีการกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นองค์พระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน แม้มีการโพสต์แสดงความคิดเห็นของจำเลยในเบื้องต้นว่าจะน้อมรับคำพิพากษาของศาล กรณีที่ศาลพิพากษาจำคุก “นรินทร์” จำเลยในคดีติดสติกเกอร์คำว่า กูkult ลงในพระบรมฉายาลักษณ์ แต่การที่จำเลยโพสต์ข้อความว่า จะปกป้องมิให้ผู้ใดมากระทำอันมิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของวชิราลงกรณ์โดยการจะทำให้รูปวชิราลงกรณ์ที่อยู่ตามสถานที่สาธารณะมิให้ปรากฏอีกต่อไป ไม่ว่าจะที่ใดในประเทศนี้ เพื่อจะได้ไม่มีใครเอาสติกเกอร์ไปแปะให้วชิราลงกรณ์ต้องเสื่อมพระเกียรติยศอีก

    ศาลเห็นว่า ข้อความที่จำเลยโพสต์นี้มีลักษณะประชดประชัน เกี่ยวกับการกระทำของนรินทร์ซึ่งศาลพิพากษาว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในส่วนข้อความต่อมาที่ระบุว่า #ภาคีสหายพร้อม!!! ที่ปรากฏในโพสต์ของจำเลยนั้น มีเหตุอันควรให้เชื่อว่า เป็นการกล่าวเหมือนส่งสัญญาณในโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งสื่อให้สหายหรือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของจำเลยออกมาร่วมด้วยช่วยกันในทำนองให้จัดการกับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ติดอยู่ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ออกไปจากประเทศไทยให้หมด

    ในส่วนถ้อยคำที่จำเลยกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 จำเลยใช้คำว่า ”วชิราลงกรณ์” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ปวงชนชาวไทยที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะไม่ใช้เรียกพระนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และการที่จำเลยยืนอยู่บนแท่นกรอบรูปเปล่า โดยที่แท่นมีข้อความ “ทรงพระเจริญ” ปรากฏอยู่ชัดเจน ถือว่าการกระทำดังกล่าวมีลักษณะไม่เหมาะสมในบริบทของสังคมไทย ทั้งอาจสื่อไปในลักษณะอาจดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นองค์พระมหากษัตริย์ที่ดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 6

    การกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการกระทำในลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ กรณีต้องถือว่าจำเลยประพฤติผิดเงื่อนไขของศาลในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาตามที่โจทก์ร้อง จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยฉบับลงวันที่ 2 ต.ค. 2564

    ก่อนหน้านี้ เวหาได้ถูกคุมขังในชั้นสอบสวน ในคดีมาตรา 112 อีกคดีหนึ่ง กรณีแชร์โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “เยาวชนปลดแอก” วิพากษ์วิจารณ์การจัดการวัคซีนของรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 และโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2565 วิพากษ์จารณ์ศาลและความอยุติธรรม โดยถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 2565 รวมเป็นระยะเวลา 42 วัน โดยในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนมีระยะเวลาขอฝากขังได้ทั้งหมด 84 วัน

    (อ้างอิง: รายงานกระบวนพิจารณา ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.2697/2564 ลงวันที่ 21 เม.ย. 2565 และ https://tlhr2014.com/archives/42756)
  • ทนายความได้เข้ายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเวหา ในคดีมาตรา 112 ทั้งสองคดี ได้แก่ คดีนี้และคดีแชร์โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “เยาวชนปลดแอก”

    ต่อมา เวลา 17.00 น. ศาลมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวทั้งสองคดี ในวันที่ 14 มิ.ย. 2565 เวลา 10.00 น. ผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ พร้อมกันนี้ศาลขอให้ทนายความเสนอพฤติการณ์พิเศษประกอบการพิจารณาคดี และแจ้งโจทก์ให้ทำคำคัดค้านก่อน หรือภายในวันนัดหมาย

    คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของเวหาทั้งสองคดี ระบุโดยสรุปว่า จำเลยขอวางหลักประกันเป็นเงินคดีละ 180,000 บาท เพื่อเป็นหลักประกันอันน่าเชื่อถือว่า จำเลยจะไม่หลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น และไม่เป็นอุปสรรคต่อการพิจารณาคดี

    ยิ่งไปกว่านั้นจำเลยเป็นผู้ป่วยจิตเภทอยู่ระหว่างรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลก มีความจําเป็นต้องเข้ารับการรักษาอาการอย่างต่อเนื่อง การถูกคุมขังไว้ระหว่างพิจารณาคดีส่งผลกระทบต่อการรักษาโรค รวมถึงจำเลยยังต้องพบแพทย์เพื่อรับยาและตรวจติดตามอาการต่อไป

    นอกจากนี้ จำเลยยินยอมติดกําไลติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) และให้มารดาเป็นผู้กํากับดูแล รวมถึงยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นๆ ตามที่ศาลกําหนด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีเจตนาจะหลบหนีแต่อย่างใด และเพื่อให้จำเลยสามารถออกไปหาพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่และเป็นธรรม

    ที่สำคัญคดีที่จำเลยถูกกล่าวหาเป็นคดีที่เกี่ยวการแสดงออกทางการเมือง สิทธิเสรีภาพการชุมนุม และสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น จำเลยยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ต้องมีสิทธิได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิด ตามที่รัฐธรรมนูญไทย และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) รับรองไว้

    จำเลยถูกขังตามหมายขังของศาลนี้มาเป็นระยะเวลายาวนาน ได้รับความยากลำบากในการใช้ชีวิตโดยปราศจากอิสรภาพเป็นอย่างมาก จึงตระหนักว่าจำเลยจะระมัดระวังไม่กระทำการใดให้ถูกฟ้องเป็นคดีขึ้นอีก พร้อมกันนี้ยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีแต่อย่างใด รวมถึงได้ให้ความร่วมมือเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก มาพบพนักงานอัยการ ตามกําหนดนัด ตลอดจนการมาเข้าร่วมการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นในทุกนัด เพื่อพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์และความประสงค์จะสู้คดี ไม่ได้มีพฤติการณ์อันเป็นเหตุที่จะไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายอาญาพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1

    ในท้ายคำร้องระบุว่า หากโจทก์คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวของจำเลย ขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกโจทก์มาไต่สวน และให้จำเลยแต่งทนายซักค้านโจทก์เพื่อประกอบการพิจารณาของศาลต่อไป

    (อ้างอิง: คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.2697/2564 ลงวันที่ 6 มิ.ย. 2565 และ https://tlhr2014.com/archives/44512)
  • ให้การรับสารภาพ และแถลงต่อศาลว่าจำเลยปว่ยเป็นโรค PTSD ขอให้ศาลสืบเสาะโรคจากแพทย์
  • ที่ห้องพิจารณาคดี 712 เวหาและครอบครัวได้เดินทางมาถึงศาล โดยมีนักกิจกรรมมาสังเกตการณ์ด้วยจำนวนหนึ่ง

    ต่อมาเวลา 10.56 น. ศาลขึ้นพิจารณาคดี โดยเรียกให้จำเลยลุกขึ้นยืนรายงานตัวเพื่อฟังคำพิพากษา คำพิพากษาโดยสรุปว่า ศาลเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษทั้ง 3 กระทงตามฟ้องในตัวบทกฎหมายที่โทษหนักที่สุดคือมาตรา 112 ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี

    แม้ศาลจะเห็นว่าจำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน แต่การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดร้ายแรง สร้างความเข้าใจผิดให้แก่ประชาชน และทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติ อันทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ จำเลยให้การรับสารภาพ จึงสมควรลดโทษเหลือกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 18 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

    ทั้งนี้ ในระหว่างการอ่านคำพิพากษา ศาลได้ชี้แจงต่อหน้าจำเลยว่า รายงานการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติได้ระบุรายงานการวินิจฉัยโรคของจำเลยว่าเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ได้เป็นโรคความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (PTSD) ซึ่งในคำร้องที่รับสารภาพ จำเลยได้ขอให้ศาลสืบเสาะโรค PTSD จากแพทย์

    อย่างไรก็ตาม เวหาได้ชี้แจงยืนยันว่าตนเองเป็นโรค PTSD จริง โดยมีใบรับรองแพทย์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจำเลยได้ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่ทำรายงานการสืบเสาะไปแล้ว และไม่ทราบว่าทำไมรายงานทางการแพทย์ที่ศาลได้รับ จึงลงความเห็นว่าจำเลยไม่ได้ป่วยตามที่เคยได้ไปตรวจจริง

    ศาลแจ้งว่า หากจำเลยยืนยันเรื่องดังกล่าว ขอให้ทำคำร้องขออุทธรณ์ในภายหลังได้ โดยวันนี้ให้ไปทำเรื่องประกันตัวก่อน ซึ่งประชาชนที่เข้าร่วมฟังพิจารณาคดี ได้ลุกขึ้นร้องขอให้ศาลทำการเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไป และขอให้ศาลสั่งให้สืบเสาะเพิ่มเติมอีกครั้ง

    ทั้งนี้ ประชาชนหญิงรายหนึ่งได้ยกมือขอแถลงต่อศาล โดยกล่าวว่าตนเองเป็นนักจิตวิทยา และพยายามอธิบายว่าโรคซึมเศร้าและ PTSD เป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษาโดยตัวยาเดียวกัน

    แต่ศาลแจ้งว่าจะอ่านคำพิพากษาให้เสร็จภายในวันนี้ และได้ตัดสินโทษแล้วว่าจะไม่มีการรอการลงโทษ โดยเห็นว่าหากเวหาได้กล่าวตามที่เขาได้ชี้แจงจริงให้ไปทำคำร้องขออุทธรณ์คดีและแนบใบรับรองแพทย์ในภายหลังได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวเวหาลงไปที่ห้องขัง ใต้ถุนศาล ส่วนนายประกันได้ยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี

    ต่อมาเวลา 16.07 น. ศาลอาญามีคำสั่งให้ส่งคำร้องขอประกันให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณา โดยจะใช้ระยะเวลา 2-3 วัน จึงจะทราบผล ทำให้ในวันนี้เวหาจะต้องถูกควบคุมตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรอฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ต่อไป
  • ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวเวหาในระหว่างอุทธรณ์คดี โดยเห็นว่าศาลชั้นต้นลงโทษสูง เกรงว่าจำเลยจะหลบหนี

ชั้นสอบสวน

ผู้ถูกดำเนินคดี :
เวหา แสนชนชนะศึก

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต

ศาลชั้นต้น

ผู้ถูกดำเนินคดี :
เวหา แสนชนชนะศึก

ผลการพิพากษา
ลงโทษ
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต
พิพากษาวันที่ : 18-05-2023

ศาลอุทธรณ์

ผู้ถูกดำเนินคดี :
เวหา แสนชนชนะศึก

ผลการพิพากษา
-
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
ไม่อนุญาต

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์