ค้นหาข้อมูลคดี
ผลการค้นหา
ผลลัพธ์
ทั้งหมด 257 กรณี
คดี 112 "จ่อย" นศ. ถูกกล่าวหา วางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ที่ดินแดง
"จ่อย" (นามสมมติ) นักศึกษาชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมและตรวจค้นที่พัก โดยไม่มีหมายจับและหมายค้น ก่อนถูกพาตัวไปที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน สน.ดินแดง เพื่อสอบถามและควบคุมตัวไว้ 1 คืน จึงได้ไปขอศาลอาญาออกหมายจับจ่อยในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, วางเพลิงเผาทรัพย์ และข้อหาเกี่ยวกับการชุมนุม โดยกล่าวหาว่า จ่อยเกี่ยวข้องกับการวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์ในการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงช่วงเดือน ก.ย. 2564 กรณีนี้สะท้อนถึงปัญหาการตีความข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับตีความอย่างกว้างขวางครอบคลุมถึงการกระทำต่อวัตถุสิ่งของ อีกทั้งศาลยังรับรองการตีความดังกล่าวด้วยการออกหมายจับโดยเชื่อเพียงคำกล่าวอ้างฝ่ายเดียวของตำรวจ การกระทำดังกล่าวขององคาพยพกระบวนการยุติธรรมละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง และอาจส่งผลในแง่ลบต่อภาพลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์
คดี 112 "ตั้ม" นักวาดการ์ตูน ถูกกล่าวหาเป็นแอดมินเพจ “คนกลมคนเหลี่ยม” วาดการ์ตูนเสียดสี ร.9 - ร.10
“ตั้ม” จิรวัฒน์ (สงวนนามสกุล) นักวาดการ์ตูน วัย 45 ปี ถูกดำเนินคดีในข้อหา "หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) และ (3) โดยถูก ระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ สมาชิกศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ร้องทุกข์กล่าวโทษที่ บก.ปอท. กล่าวหาว่า เป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “คนกลมคนเหลี่ยม” เพจการ์ตูนล้อเลียนและเสียดสีการเมือง วาดภาพเสียดสีใส่ร้ายรัชกาลที่ 10 รวม 2 โพสต์ และใส่ร้ายรัชกาลที่ 9 อีก 2 โพสต์ ในช่วงเดือนมีนาคม - มิถุนายน 2565 กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษแม้ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ทำให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งบุคคลอื่น
อัญชัญ คดี 112 (โพสต์คลิปบรรพต)
อัญชัญถูกทหารพร้อมอาวุธบุกเข้าจับกุมที่บ้านระหว่างที่มีการประกาศกฎอัยการศึก เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2558 หลังอยู่ในการควบคุมตัวของทหารตามกฎอัยการศึกรวม 6 วัน อัญชัญถูกส่งตัวให้ดีเอสไอดำเนินคดี โดยถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้อัพโหลดและเผยแพร่คลิปเสียงของ “บรรพต” ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ต่อมา อัยการทหารยื่นฟ้องอัญชัญรวม 29 กรรม จากการอัพโหลดและเผยแพร่คลิปเสียงในช่วงระหว่างวันที่ 12 พ.ย. 57 ถึง 24 ม.ค. 58 อัญชัญให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีในชั้นศาล ศาลทหารมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนี้เป็นการลับ อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยระบุเหตุผลว่า เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี ทำให้อัญชัญถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลางอยู่เป็นเวลาเกือบ 4 ปี ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ประกันตัวเมื่อปลายปี 2561 และต่อมา คดีถูกโอนย้ายมาพิจารณาต่อในศาลยุติธรรม ซึ่งทำให้อัญชันสามารถอุทธรณ์/ฎีกาคำพิพากษาได้ คดีอัญชัญเป็นตัวอย่างปัญหาความล่าช้าในกระบวนการยุติธรรมของศาลทหาร โดยหลังจากยื่นฟ้องจนกระทั่งโอนย้ายคดีไปยังศาลยุติธรรมเป็นเวลากว่า 4 ปี ศาลทหารสืบพยานโจทก์ไปได้เพียง 7 ปาก น่าสังเกตด้วยว่า อัญชัญเป็นหนึ่งในจำเลย 14 ราย ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "เครือข่ายบรรพต" ที่จัดทำและเผยแพร่คลิปเสียงของ “บรรพต” แต่อัญชัญถูกฟ้องมากที่สุดถึง 29 กรรม ขณะที่จำเลยรายอื่นส่วนใหญ่ รวมทั้งตัว "บรรพต" เองถูกฟ้องเพียง 1 กรรม ซึ่งเกือบทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำแล้ว
เสาร์ ผู้ป่วยจิตเภท คดี 112 (ร้องศาลฎีกาฯ ทวงเงินทักษิณ)
13 มี.ค. 2558 เสาร์ (สงวนนามสกุล) ชาวไทยลื้อ เดินทางไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเขียนคำร้องด้วยลายมือยื่นต่อศาล ขอเรียกคืนทรัพย์จากทักษิณ อดีตนายกฯ นอกจากผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ จะไม่รับคำร้องแล้ว ยังมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ศาลฯ ไปแจ้งความดำเนินคดีเสาร์ โดยระบุว่า คำร้องมีลักษณะดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ หลังถูกดำเนินคดี เสาร์ถูกส่งตัวไปตรวจวินิจฉัยอาการทางจิต แพทย์มีความเห็นว่า เสาร์มีความเจ็บป่วยทางจิต ขณะประกอบคดีมีความคิดหลงผิด หลังการรัฐประหาร รัฐบาล คสช.มีนโยบายเร่งรัดการดำเนินคดี 112 รวมทั้งใช้ข้อหาดังกล่าวมาดำเนินคดีกับประชาชนที่แสดงความเห็นโดยสันติจำนวนมาก และขยายการตีความออกไปอย่างกว้างขวางจนกระทบแม้กระทั่งกลุ่มผู้ป่วยทางจิต มีผู้ป่วยทางจิตหลายคนตกเป็นจำเลย ต้องมีภาระในการต่อสู้คดีและถูกคุมขัง แม้ว่าการกระทำที่ถูกตีความว่าเป็นความผิดนั้น บุคคลทั่วไปสามารถรับรู้ได้ว่า ไม่เป็นเหตุเป็นผล เลื่อนลอย หรือไม่เป็นจริง และพนักงานสอบสวน รวมถึงอัยการสามารถใช้ดุลพินิจในการสั่งไม่ฟ้องคดีได้กรณีที่เห็นว่า ผู้ต้องหาขาดเจตนา หรือการดำเนินคดีไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ชญาภา คดี 112 และ 116 (โพสต์รัฐประหารซ้อน)
ชญาภา (สงวนนามสกุล) ถูกจับกุมที่บ้านพักขณะจะขับรถออกไปทำงาน เจ้าหน้าที่อ้างอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/58 ควบคุมตัวไปสอบปากคำที่ มทบ.11 โดยไม่มีหมายจับ รวม 5 วัน ก่อนส่งให้ ปอท.ดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 112, 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ออกในช่วงที่ชญาภาถูกควบคุมตัวในค่ายทหาร โดยกล่าวหาว่า ชญาภาเป็นผู้โพสต์ข่าวลือเรื่องรัฐประหารซ้อน และโพสต์ข้อความที่ตีความได้ว่าพาดพิงถึงพระมหากษัตริย์ รวม 5 ครั้ง ในชั้นสอบสวนซึ่งไม่มีทนายความเข้าร่วม ชญาภาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ในชั้นศาลซึ่งถูกพิจารณาคดีในศาลทหาร ชญาภาถูกเบิกตัวไปศาลทหารเพื่อสอบคำให้การ โดยศาลไม่ได้ส่งหมายนัดให้ทนายจำเลยและชญาภาเองก็ไม่ได้รับหมายนัดก่อนวันนัด แต่ศาลก็ได้สอบคำให้การจำเลยและมีคำพิพากษาโดยไม่มีทนายความร่วมในกระบวนการ คดีนี้จำเลยเพียงแค่โพสต์ข้อความแสดงความเห็นวิเคราะห์และวิจารณ์สถานการณ์ทางการเมือง อันเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงออกโดยสันติ การถูกตั้งข้อหาที่รุนแรงทั้งมาตรา 112 และ 116 สะท้อนให้เห็นปัญหาการใช้กฎหมายมาตราดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการจำกัดการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน และการพิพากษาลงโทษจำคุกรวม 7 ปี 30 เดือน จึงขัดต่อหลักความได้สัดส่วนของการลงโทษ และหลักการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม
คดี 112 "แบงค์-ต๊ะ" กลุ่มทะลุแก๊ส ถูก ศปปส. กล่าวหา เหตุโพสต์ภาพถือกระดาษข้อความหน้าพระบรมฉายาลักษณ์
“แบงค์” ณัฐพล (สงวนนามสกุล) และ “ต๊ะ” คทาธร (สงวนนามสกุล) 2 นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุแก๊ซ ถูกดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ภายหลัง แกนนำ ศปปส. เข้าแจ้งความที่ สน.สำราญราษฎร์ กล่าวหาว่า ถือกระดาษเขียนข้อความไม่เหมาะสม บริเวณหน้าพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระราชินี ที่หน้าวัดสุทัศน์ กลางดึกคืนวันที่ 15 ม.ค. 2567 และนำรูปไปโพสต์พร้อมเขียนข้อความประกอบ จากนั้นตำรวจได้สืบสวนและขอศาลออกหมายจับหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน โดยไม่ได้ออกหมายเรียกก่อน
คดี 112 “บังเอิญ” ศิลปินขอนแก่น ถูกแกนนำ ศปปส. กล่าวหา โพสต์ภาพพร้อมข้อความหมิ่นประมาท ร.10
“บังเอิญ” ศิลปินอิสระชาวขอนแก่นวัย 25 ปี ถูก ปอท. จับกุมและดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยถูกกล่าวหาว่า โพสต์รูปภาพครอบครัวของรัชกาลที่ 10 พร้อมข้อความเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 ซึ่ง อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ผู้กล่าวหา เห็นว่า มีลักษณะดูหมิ่น หมิ่นพระเกียรติรัชกาลที่ 10 กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการตีความประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับถูกตีความอย่างกว้าง ซึ่งขัดต่อหลักกฎหมายอาญาที่ต้องตีความอย่างเคร่งครัด ทำให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมือง และกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน
คดี 112 “บังเอิญ” คดีที่ 2 ถูกแกนนำ ศปปส. กล่าวหาอีก เหตุโพสต์ภาพถือรองเท้า
“บังเอิญ” ศิลปินอิสระชาวขอนแก่นวัย 25 ปี ถูกดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยมี อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เข้าแจ้งความดำเนินคดีบังเอิญเป็นคดีที่ 2 กล่าวหาว่า มีเจตนาใช้รองเท้าชี้ไปที่พระบรมฉายาลักษณ์ จากกรณีที่บังเอิญโพสต์ภาพถือรองเท้ายืนอยู่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระราชินี เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2566 กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการตีความประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับถูกตีความอย่างกว้าง และเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ทำให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมือง และกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน
คดี 112 "มายด์" ปราศรัยวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ในม็อบ 24 มีนา 64 #เพราะประเทศนี้เป็นของราษฎร
"มายด์" ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล นักศึกษาและนักกิจกรรมกลุ่ม "ราษฎร" ถูกดำเนินคดีข้อหา หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการปราศรัยในการชุมนุม #เพราะประเทศนี้เป็นของราษฎร บริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 โดยมีประชาชน 2 ราย เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดี อ้างเหตุว่า คำปราศรัยของมายด์เป็นการใส่ความรัชกาลที่ 10 ให้ได้รับความเสียหาย กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี ทำให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือปิดปากประชาชนที่แสดงออกโดยสงบในเชิงวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย
คดี 112 "ทาม" ชาวชัยนาทวัย 29 ปี เหตุคอมเมนท์ใต้โพสต์ "คนไทยยูเค" ปี 64
“ทาม” (นามสมมติ) ชาวชัยนาทวัย 29 ปี ถูก ปอท. ดำเนินคดีในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยถูกกล่าวหาว่า คอมเมนท์ใต้โพสต์ข้อความพร้อมภาพรัชกาลที่ 10 ในเพจเฟซบุ๊ก “KTUK – คนไทยยูเค” เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2564 ทั้งนี้ ฐิติวัฒน์ ธนการุณย์ ประชาชนทั่วไปผู้กล่าวหาในคดีนี้ เป็นบุคคลที่รัชกาลที่ 10 ทรงกล่าวข้อความชมว่า “เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ” ระหว่างการรับเสด็จเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2563 โดยคดีนี้นับเป็นคดีที่ 4 แล้ว ที่มีผู้ถูกดำเนินคดีจากการไปแจ้งความร้องทุกข์ของฐิติวัฒน์