ค้นหาแบบละเอียด
ผลการค้นหา
ผลลัพธ์
ทั้งหมด 161 กรณี
คดี 112, 116 เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์-ธนกร (เยาวชน) ปราศรัยม็อบ10กันยา #คนนนท์ท้าชนเผด็จการ
"เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์, "รุ้ง" ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, "ไมค์" ภาณุพงศ์ จาดนอก, ชินวัตร จันทร์กระจ่าง รวมทั้ง ธนกร (สงวนนามสกุล) หรือ “เพชร” เยาวชน LGBTQ อายุ 17 ปี นักกิจกรรมกลุ่ม "ราษฎร" ถูกดำเนินคดีในข้อหา "ยุยงปลุกปั่น" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 จากการปราศรัยในการชุมนุม #คนนนท์ท้าชนเผด็จการ บริเวณท่าน้ำนนท์ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2563 กล่าวถึงสถานะกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย วิพากษ์วิจารณ์รัชกาลที่ 10 รวมทั้งย้ำข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ต่อมา ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตราต่อผู้ชุมนุม เพนกวิน, รุ้ง, ไมค์ และเพชร ยังถูกแจ้งข้อหา "หมิ่นประมาทกษัตริย์" เพิ่มเติมจากการปราศรัยครั้งดังกล่าวอีกด้วย โดยกรณีของเพชรแยกดำเนินคดีในศาลเยาวชนฯ และคดีนี้ทำให้เพชรเป็นเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 มากที่สุดถึง 3 คดี
คดี 112 "บี๋-รุ้ง" ถูกกล่าวหาเป็นแอดมินเพจแนวร่วม มธ.ฯ โพสต์หมิ่นกษัตริย์
"บี๋" นิราภร อ่อนขาว และ "รุ้ง" ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นักศึกษา และสมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) หลังเลขา ศชอ. กลุ่มที่มีแนวคิดปกป้องสถาบันกษัตริย์ เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีแอดมินเพจ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ซึ่งโพสต์ข้อความจำนวน 3 โพสต์ ในเดือน ส.ค. 63, ม.ค. และ ต.ค. 64 เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 112 กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษแม้ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ทำให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งบุคคลอื่น นอกจากนั้นจากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่า นพดล พรหมภาสิต ได้เข้าดำเนินคดีประชาชนในข้อหามาตรา 112 อย่างน้อย 6 คดี
คดี 112 "บี๋-รุ้ง-เบนจา" ถูกกล่าวหาเป็นแอดมินเพจแนวร่วม มธ.ฯ โพสต์วิจารณ์การถอนประกันแกนนำราษฎร
"บี๋" นิราภร อ่อนขาว, "รุ้ง" ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และ เบนจา อะปัญ 3 นักศึกษา และนักกิจกรรมกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) หลังกัญจ์บงกช เมฆาประพัฒน์สกุล ประชาชนทั่วไป เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีจากกรณีเพจ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 ซึ่งผู้กล่าวหาเห็นว่าเป็นความผิดตามมาตรา 112 กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษแม้ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ทำให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งบุคคลอื่น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง
คดี 112 “เบนจา” ปราศรัยหน้าตึกซิโนไทย #คาร์ม็อบ10สิงหาไล่ทรราช
เบนจา อะปัญ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับในข้อหา “หมิ่นประมาทมหากษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ที่หน้าบริษัทซิโน-ไทย ในระหว่าง #ม็อบ10สิงหา ‘คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช’ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 โดยเบนจาไม่เคยได้รับหมายเรียกในคดีนี้มาก่อน ภายหลังถูกจับกุม ศาลยังไม่อนุญาตให้ประกันตัวในระหว่างสอบสวน แม้เบนจาจะยกเหตุผลความจำเป็นในการไปเรียนและสอบ ทำให้เบนจาตัดสินใจดรอปเรียนในภาคการศึกษานั้น และแม้จะมีการยื่นประกันอีกหลายครั้งก็เบนจาก็ไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว กระทั่งการยื่นประกันในครั้งที่ 7 ศาลจึงให้ประกันโดยจำกัดระยะเวลาถึงเพียงสิ้นสุดการสอบภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ในวันที่ 22 พ.ค. 2565 พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขหลายประการ อาทิ ห้ามร่วมกิจกรรมที่กระทบต่อสถาบันกษัตริย์และก่อความวุ่นวาย ห้ามออกจากบ้านตั้งแต่ 18.00-06.00 น. รวมทั้งให้ติด EM ด้วย โดยเบนจาได้รับการปล่อยตัวหลังถูกคุมขังถึง 99 วัน
กิจกรรม "พลเมืองรุกเดิน" พันธ์ศักดิ์ถูกดำเนินคดี ม.116
พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ออกเดินเท้าจากบ้านย่านบางบัวทองในวันที่ 14 มี.ค. 2558 เพื่อไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน.ปทุมวัน ตามที่มีนัดรายงานตัวในคดี "เลือกตั้งที่ (รัก) ลัก" ในวันที่ 16 มี.ค. 2558 การเดินเท้าดังกล่าวเป็นการทำกิจกรรม “พลเมืองรุกเดิน” ในนามกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และให้ยุติการนำพลเมืองขึ้นศาลทหาร พันธ์ศักดิ์ถูกตำรวจควบคุมตัวตั้งแต่ออกเดินได้ไม่นาน แม้จะได้รับการปล่อยตัวในช่วงเย็นวันที่ 14 มี.ค. และสามารถออกเดินต่อในวันที่ 15-16 มี.ค. จนถึงจุดหมาย แต่ก็ถูกทหารและตำรวจร่วมกันแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา ฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 7/2557 ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 นอกจากนี้ ยังมีประชาชนที่มามอบดอกไม้ให้นายพันธ์ศักดิ์ระหว่างทางอีก 6 ราย ถูกออกหมายจับด้วย โดยเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีได้เพียงคนเดียวคือ นายปรีชา แก้วบ้านแพ้ว อายุ 77 ปี กิจกรรมดังกล่าวเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงออกโดยสงบและสันติตามที่รัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศให้การรับรอง แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายพยายามปิดกั้น รวมถึงดำเนินคดี เพื่อหวังควบคุมการแสดงออกของประชาชน และให้จำเลยยุติการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ชุมนุม #เยาวชนปลดแอก
18 ก.ค. 2563 #เยาวชนปลดแอก จัดชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก ถือเป็นการชุมนุมขนาดใหญ่ครั้งแรกหลังการรัฐประหาร ปี 2557 ท่ามกลางความพยายามปิดกั้นของเจ้าหน้าที่ด้วยมาตรการต่างๆ ตั้งแต่ก่อนเริ่มชุมนุม โดยผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชน, ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา ข้อเรียกร้องดังกล่าวนี้ได้รับการขานรับจากประชาชนจนกระทั่งเกิดการชุมนุมขนานใหญ่ในแทบทุกจังหวัดตามมา เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าว หลังการชุมนุมผู้ปราศรัย ผู้เข้าร่วมชุมนุม ตลอดจนนักดนตรีมีร่วมแสดงบนเวทีปราศรัย ถูกตำรวจออกหมายจับข้อหา ยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และจับกุมรวม 14 ราย รวมทั้งออกหมายเรียกในข้อหา มั่วสุมก่อความวุ่นวาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 15 ราย แต่ไม่พบว่า รัฐบาลจะตอบสนองข้อเรียกร้องเหล่านี้ของประชาชน
คดี 112 “ทานตะวัน” ไลฟ์สดหน้า UN ก่อนขบวนเสด็จผ่าน ถูกกล่าวหา “ด้อยค่า” กษัตริย์
“ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักศึกษาและนักกิจกรรมวัย 20 ปี จากกลุ่มมังกรปฏิวัติ ถูกจับกุมขณะไปยืนไลฟ์สดหน้า UN ก่อนเวลาที่ขบวนเสด็จจะผ่านถนนราชดำเนินนอก ควบคุมตัวไป สน.พญาไท และ บช.ปส. โดยไม่ให้ทนายความเข้าพบเกือบ 2 ชั่วโมง ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามมาตรา 112, ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ, ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้าย อ้างว่าตำรวจให้หยุดไลฟ์สด แต่ทานตะวันไม่หยุด ทั้งยังกล่าวบรรยายในไลฟ์สดมีเนื้อหา “ด้อยค่า” กษัตริย์ แม้ศาลจะให้ประกันในชั้นฝากขัง แต่กำหนดให้ติด EM พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอีก กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการบังคับใช้มาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับถูกตีความอย่างกว้างขวาง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ในการปิดกั้นการแสดงออกโดยสงบของประชาชนที่เป็นไปในเชิงวิพากษ์วิจารณ์
คดี 112-116 นักกิจกรรม-เยาวชน 9 ราย หลังทำโพลล์สำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จ
นักกิจกรรมรุ่นใหม่ 8 ราย ถูกดำเนินคดีในข้อหา "หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ", "ยุยงปลุกปั่น" และ "ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน" จากการทำกิจกรรมทำโพลล์สำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จที่บริเวณห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 ในจำนวนนี้ 2 ราย เป็นสื่ออิสระที่ทำการถ่ายทอดสดกิจกรรมเท่านั้น บางรายยังถูกดำเนินคดีข้อหา "ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ" และ "ดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ" ด้วย ทั้งหมดถูกฝากขังในชั้นสอบสวนแม้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ทำให้ต้องประกันตัว โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 200,000 บาท ทั้งยังต้องติด EM และถูกกำหนดเงื่อนไขห้ามทำกิจกรรมที่อาจเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ และห้ามโพสต์เชิญชวนหรือเข้าร่วมการชุมนุมที่อาจก่อความวุ่นวาย กิจกรรมครั้งนี้ยังมีเยาวชนอายุไม่ถึง 15 ปี ถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันนี้อีกรายหนึ่งด้วย กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการบังคับใช้มาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับถูกตีความอย่างกว้างขวาง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ในการปิดกั้นการแสดงออกโดยสงบของประชาชนที่เป็นไปในเชิงวิพากษ์วิจารณ์
คดี 112 “เมนู” ปราศรัยเรื่องทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์-ศาสตร์พระราชา ที่สงขลา
“เมนู” สุพิชฌาย์ ชัยลอม นักกิจกรรมจากเชียงใหม่วัย 19 ปี ถูก สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ออกหมายเรียกข้อหา "หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ" จากกรณีปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ30พฤศจิกามาหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2563 วิพากษ์วิจารณ์การแก้กฎหมายทําให้ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กลายเป็นทรัพย์สินของกษัตริย์องค์เดียว รวมทั้งการนำเรื่องศาสตร์พระราชาใส่ลงในหนังสือเรียน โดย รอง ผกก.สส.สภ.หาดใหญ่ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ แม้เมนูไม่ถูกควบคุมตัวในชั้นสอบสวน และได้รับการประกันตัวในชั้นพิจารณา แต่การถูกดำเนินคดีในจังหวัดที่ห่างไกลสร้างภาระให้กับเธอซึ่งยังศึกษาอยู่ในการเดินทางไปต่อสู้คดีเป็นอย่างมาก สะท้อนปัญหาการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชน
คดี 112 "ภูมิ-ไอซ์ (เยาวชน)" เหตุแสดงป้าย “ปล่อยเพื่อนกู” หน้า สน.ดุสิต
“ภูมิ หัวลำโพง” (นามสมมติ) นักกิจกรรมอายุ 18 ปี พร้อม "ไอซ์" เยาวชน อายุ 14 ปี ถูกตำรวจใช้กำลังเข้าจับกุมบริเวณแยกพระบรมรูปทรงม้าช่วงค่ำวันที่ 30 ธ.ค. 2564 จนได้รับบาดเจ็บ ขณะจะทำกิจกรรมชูป้าย แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า จะมีขบวนเสด็จผ่านมา ทั้งสองถูกควบคุมตัวไป สน.ดุสิต และถูกดำเนินคดีในข้อหา "หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ" หลังทั้งสองแสดงป้ายผ้าให้ตำรวจตรวจสอบบริเวณด้านหน้า สน.ดุสิต โดยตำรวจกล่าวหาว่า ข้อความบนป้ายผ้ามีลักษณะอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ภายหลังตำรวจยังแจ้งข้อกล่าวหา "ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน" เพิ่มเติมอีกด้วย หลังถูกจับกุม ทั้งสองถูกขังอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) 1 คืน ก๋อนถูกนำตัวไปขอฝากขังและขออำนาจควบคุมตัว จากนั้นศาลอาญาและศาลเยาวชนฯ อนุญาตให้ประกัน โดยต้องวางเงินสดเป็นหลักประกันจำนวน 90,000 และ 20,000 บาท ตามลำดับ กรณีนี้นอกจากสะท้อนให้เห็นปัญหาการบังคับใช้มาตรา 112 ซึ่งขยายขอบเขตจนกระทบต่อสิทธิเสรีภาพกาารแสดงออกของประชาชนแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นปัญหาของกระบวนการยุติธรรมในคดีเยาวชน ซึ่งไม่ได้มุ่งปกป้องสิทธิของเด็กตามอนุสัญญาสิทธิเด็กซึ่งประเทศไทยได้ลงนามให้สัตยาบันไว้ต่อประชาคมโลก แต่กลับมีแนวโน้มที่จะสร้างภาระทางคดีแก่เยาวชนมากกว่าผู้ใหญ่อีกด้วย