ค้นหาแบบละเอียด
ผลการค้นหา
ผลลัพธ์
ทั้งหมด 56 กรณี
รุ่งเรือง (ผู้ป่วยจิตเภท) คดี 112 (โพสต์เฟซบุ๊ก)
รุ่งเรือง (นามสมมติ) ผู้ป่วยจิตเภทจากการใช้สารเสพติดเป็นเวลานาน ขณะเข้ารับการตรวจรักษาได้โพสต์ข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2559 และถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมนำตัวไปดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ รุ่งเรืองถูกคุมขังในเรือนจำเรื่อยมาตั้งแต่ถูกจับกุมโดยไม่เคยได้ยื่นประกันตัว เนื่องจากญาติไม่มีหลักทรัพย์ และให้การรับสารภาพ ก่อนศาลพิพากษาจำคุกในที่สุด รุ่งเรืองถือว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชหนึ่งในหลายคนที่ได้รับผลกระทบ ต้องมีภาระในการต่อสู้คดี และถูกคุมขัง จากการใช้มาตรา 112 มาดำเนินคดีกับประชาชนที่ใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็นจำนวนมากหลังการรัฐประหาร ทั้งนี้ การดำเนินคดีและพิพากษาลงโทษจำคุก โดยยกคำขอให้รอการลงโทษจำคุกเนื่องจากรุ่งเรืองมีอาการเจ็บป่วยทางจิต เพราะการกระทำของรุ่งเรืองเป็นการล่วงละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ที่ประชาชนเคารพเทิดทูนและเป็นผู้ทรงคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ และศาลลงโทษสถานเบาแล้วนั้น อาจไม่สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองด้านความรับผิดทางอาญาของผู้กระทำผิดที่มีอาการเจ็บป่วยทางจิต
อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ ร่วม “วิ่งไล่ลุง” พร้อมไลฟ์สด ถูกดำเนินคดี “ไม่แจ้งการชุมนุม”
น.ส.อิสรีย์ อภิสิริรุจิภาส อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ จ.บุรีรัมย์ ถูกตำรวจติดตามไปพบที่บ้าน หลังโพสต์คลิปว่า จะไปร่วมกิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" ที่สวนสาธารณะ อ.สตึก และต่อมา หลังไปร่วมวิ่ง และไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในวันที่ 12 ม.ค. 63 อิสรีย์ถูกดำเนินคดีในข้อหา จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุม ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ อิสรีย์ยืนยันให้การปฏิเสธ เนื่องจากเป็นเพียงผู้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง ไม่ได้เป็นผู้จัด อีกทั้งกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในวันดังกล่าวก็เหมือนกับกิจกรรมวิ่งเพื่อสุขภาพทั่วไปไม่เข้าข่ายการชุมนุม
เค (นามสมมติ) คดี 112 (โพสต์ขายเหรียญหลัง ร.9 สวรรคต)
นายเค (นามสมมุติ) เด็กหนุ่มอายุ 19 ปี ถูกประชาชนนับสิบคนเข้าทำร้ายร่างกายและลากตัวลงมาจากหอพักชั้น 4 บังคับให้นั่งลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 9 ทั้งยังถูกดำเนินคดีในข้อหา หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ หลังจากโพสต์ขายเหรียญลงในกรุ๊ปเฟซบุ๊กซื้อขายของมือสองแห่งหนึ่ง ในช่วงหลังการสวรรคตของรัชกาลที่ 9 และโพสต์ข้อความตอบโต้คนที่เข้ามาแสดงความเห็นตำหนิเขา โดยภาพและข้อความที่เคโพสต์ถูกตีความว่า มีลักษณะดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ กรณีนี้เป็นอีกกรณีหนึ่งที่เกิดขึ้นในกระแสการล่าแม่มด คุกคามผู้ที่แสดงออกหรือแสดงความเห็นแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ภายหลังเหตุการณ์สวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งบรรยากาศความโศกเศร้าจากการเสด็จสวรรคตครอบคลุมอยู่ทั่วไปในสังคมไทย
นักแสดงละครเวที "เจ้าสาวหมาป่า" ถูกดำเนินคดี 112
ปติวัฒน์ หรือแบงค์ (สงวนนามสกุล) และภรณ์ทิพย์ หรือกอล์ฟ (สงวนนามสกุล) นักศึกษา/นักกิจกรรม/ศิลปิน ถูกจับกุมในเดือนสิงหาคม 2557 ตามหมายจับศาลอาญาในข้อหา หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีมีส่วนร่วมในละครเวทีเรื่อง "เจ้าสาวหมาป่า" ซึ่งกลุ่มประกายไฟการละครจัดแสดงในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลาฯ ในปี 2556 ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยเครือข่ายเฝ้าระวัง พิทักษ์และปกป้องสถาบัน นัดหมายกันเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องกับละครดังกล่าวที่สถานีตำรวจหลายจังหวัด ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2556 หลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 กรณีนี้จึงถูกติดตามจากฝ่ายความมั่นคง และถูกเร่งรัดดำเนินคดี โดย คสช. ได้เรียกกลุ่มนักกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม "ประกายไฟ" หลายรายเข้ารายงานตัวในเดือนมิถุนายน 2557 และถูกสอบถามอย่างหนักถึงความเกี่ยวพันกับการแสดงดังกล่าว กรณีนี้นับเป็นการนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาใช้ดำเนินคดีกับการแสดงออกผ่านงานศิลปะ ซึ่งสามารถตีความได้หลากหลาย และเป็นเพียงการใช้เสรีภาพในการแสดงออก อันถือเป็นการปิดกั้นการแสดงออกของประชาชน นอกจากนี้ ทั้งสองยังไม่ได้รับสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราว แม้จะยื่นประกันหลายครั้ง ซึ่งถือเป็นการถูกละเมิดสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม ทั้งนี้ การคุมขังอันมีเหตุมาจากการใช้เสรีภาพในการแสดงออก ทำให้ UN แสดงความวิตกกังวล โดยถือว่าเป็นการควบคุมตัวโดยพลการ
ปิยรัฐฉีกบัตรประชามติ
นายปิยรัฐ จงเทพ นักกิจกรรม ฉีกบัตรลงคะแนนประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่หน่วยลงคะแนนในวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 เพื่อประท้วงการออกเสียงประชามติที่ไม่เสรีและเป็นธรรม โดยมีนายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ และนายจิรวัฒน์ เอกอัครนุวัฒน์ บันทึกวิดีโอขณะนายปิยรัฐฉีกบัตร ปิยรัฐถูกควบคุมตัวไปจากหน่วยลงคะแนนในทันที โดยตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีทั้งสามคนตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ ในเวลาต่อมา
สราวุทธิ์ คดีมาตรา 112 (โพสต์เฟซบุ๊ก)
นายสราวุทธิ์ (สงวนนามสกุล) ช่างตัดแว่นในจังหวัดเชียงราย ถูกเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จาก ปอท. เข้าตรวจค้นที่บ้านพัก พร้อมกับตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแฟลชไดรฟ์ไป โดยไม่มีหมาย และอาศัยอำนาจตาม ม.44 ก่อนที่จะถูกดำเนินคดีในเวลาต่อมา ในข้อหาตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 โดยถูกทหารซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของนายสราวุทธิ์มาตั้งแต่หลังรัฐประหาร เข้าแจ้งความดำเนินคดีกล่าวหาว่า โพสต์ภาพพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช (ในขณะนั้น) และข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 59 นายสราวุทธิ์ให้การปฏิเสธตั้งแต่ชั้นสอบสวน โดยยืนยันว่าตนไม่ได้โพสต์ภาพและข้อความตามข้อกล่าวหา เขาไม่ได้รับการประกันตัวในช่วงแรก แต่ภายหลังศาลให้ประกันตัวหลังญาติยื่นประกันรวม 4 ครั้ง และสราวุทธิ์ถูกคุมขังในเรือนจำรวม 38 วัน โดยมีเงื่อนไขห้ามแสดงความเห็นด้วย นายสราวุทธิ์ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวเป็นระยะหลังการรัฐประหาร ส่วนใหญ่เป็นการแสดงความเห็นในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามตลอดมา การดำเนินคดีนายสราวุทธิ์ด้วยมาตรา 112 จึงกล่าวได้ว่า เป็นความพยายามของเจ้าหน้าที่ในการปิดกั้นการแสดงออกของกลุ่มต่อต้าน คสช.
รวมพลคนอยากเลือกตั้งชุมนุมหน้ามาบุญครอง ถูกดำเนินคดี (MBK39)
กลุ่มประชาชนจัดกิจกรรม ‘รวมพลคนอยากเลือกตั้ง’ เมื่อวันที่เสาร์ที่ 27 มกราคม 2558 ถูกออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหา หลังจากจัดกิจกรรมที่บริเวร skywalk หอศิลป์กรุงเทพฯ เป็นจำนวน 39 คน หรือเรียกอีกชื่อหนี่งว่า ‘MBK39’ คดี MBK39 นับเป็นคดีที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีอย่างมาก เนื่องจากออกหมายเรียกระหว่างวันที่ 29-30 ม.ค. 2561 แต่เรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนวันที่ 2 ก.พ. 2561 โดยให้เวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้น
สนทนาในช่องแชทส่วนตัว ถูกดำเนินคดี 112
นายบุรินทร์ (สงวนนามสกุล) ถูกควบคุมตัวพร้อมประชาชนอีก 15 คน ขณะร่วมกิจกรรม “ยืนเฉย ๆ” ร่วมกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2559 ตำรวจนำตัวไป สน.พญาไท ก่อนที่ทหารจะใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เข้าควบคุมตัวนายบุรินทร์ไปจาก สน.พญาไท โดยไม่แจ้งสาเหตุ หลังจากนั้นอีก 2 วัน ทหารได้ส่งตัวนายบุรินทร์ให้ ปอท. ดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 โดยกล่าวหาว่า เขาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวพาดพิงพระมหากษัตริย์จำนวน 2 ข้อความ ต่อมา ทหารได้เข้าแจ้งความเพิ่มเติมให้ดำเนินคดี น.ส.พัฒน์นรี โดยกล่าวหาว่า มีส่วนร่วมกับนายบุรินทร์ในการกระทำความผิด จากการตอบกลับการสนทนาทางช่องแชทของเฟซบุ๊กกับนายบุรินทร์ด้วยคำว่า "จ้า" ซึ่งถือว่าเป็นการยอมรับและเห็นด้วย การดำเนินคดีนายบุรินทร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกทหารติดตามความเคลื่อนไหว เนื่องจากมีพฤติกรรมต่อต้าน คสช. และกรณีนี้เขาเพียงแต่ใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็น รวมทั้งดำเนินคดีพัฒน์นรี ซึ่งเป็นแม่ของ "จ่านิว" นักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. ด้วยการกระทำที่ไม่เข้าองค์ประกอบความผิด จึงเป็นการใช้มาตรา 112 ดำเนินคดีเพื่อข่มขู่ประชาชนให้หวาดกลัว และหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน คสช. อย่างชัดเจน
ชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ถูกดำเนินคดี ม.112, 116, 215
19-20 ก.ย. 2563 แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจัดการชุมนุม #19กันยาทวงอํานาจคืนราษฎร ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ต่อเนื่องถึงสนามหลวง โดยประกาศ “ทวงคืนสนามหลวง” มาเป็น "สนามราษฎร" รวมทั้งมีการฝังหมุดคณะราษฎรหมุดที่ 2 เป็นสัญลักษณ์ในการทวงคืนจิตวิญญาณประชาธิปไตยกลับสู่สังคมไทย ตลอดจนแกนนำได้ยื่นข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ถึงประธานองคมนตรี การชุมนุมต้องเผชิญการปิดกั้นจากเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ก่อนเริ่มการชุมนุม ทั้งการปิดกั้นพื้นที่ คุกคามประชาชนไม่ให้เข้าร่วมชุมนุม สกัดรถห้องน้ำ-รถเครื่องเสียง ยึดหนังสือ ฯลฯ ภายหลังการชุมนุม ผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และกรมศิลปากร ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีแกนนำและผู้เข้าร่วมชุมนุม รวม 24 ราย ในหลายข้อหา โดยแกนนำและผู้ปราศรัยรวม 7 ราย ถูกออกหมายจับในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (ยุยงปลุกปั่น) ทั้งหมดถูกขังโดยไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขังในช่วง 15 ต.ค. - 2 พ.ย. 2563 ก่อนจตุภัทร์ได้รับการประกันตัว ส่วนคนอื่นๆ ศาลไม่อนุญาตให้ฝากขังต่อ ในส่วนของผู้ชุมนุมมีการออกเป็นหมายเรียก ซึ่งมีอดีตสมาชิกกลุ่มดาวดิน 2 คน ที่ไม่ได้ร่วมชุมนุมถูกออกหมายเรียกด้วย ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศดำเนินการบังคับใช้กฎหมายทุกมาตรากับผู้ชุมนุม พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา "หมิ่นประมาทกษัตริย์" ตามมาตรา 112 เพิ่มเติมกับแกนนำและผู้ปราศรัยทั้ง 7 รายเป็นคดีแรก ทั้งยังแจ้งข้อหา 116 กับผู้ถูกดำเนินคดีคนอื่น
สิชลโพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์พระมหากษัตริย์ (พ.ร.บ.คอมฯ และยุยงปลุกปั่น)
26 ก.ย. 2561 สิชล หรือนที ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจับกุมตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพขณะเดินอยู่ริมถนน และนำตัวไปดำเนินคดีที่ ปอท. ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อปี 2559 แสดงความเห็นต่อพระราชดำรัสของรัชกาลที่ 9 แม้ในภายหลังอัยการทหารจะสั่งไม่ฟ้องในความผิดตาม ม.112 แต่อัยการพลเรือนยังยื่นฟ้องในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และข้อหา ยุยงปลุกปั่น ตาม ม.116 ซึ่งเป็นความผิดต่อความมั่นคงเช่นเดียวกัน และศาลพิพากษาว่า สิชลมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ลงโทษจำคุก 3 ปี ลดเหลือจำคุก 2 ปี เนื่องจากจำเลยเป็นจิตเภท สิชลถูกศาลออกหมายจับในข้อหาตาม ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่เขาถูกจับกุมในปี 2561 ซึ่งเป็นช่วงที่มีปรากฏการณ์ของการไม่พยายามนำข้อกล่าวหาตาม ม.112 มาใช้ดำเนินคดี ทำให้อัยการทหารสั่งไม่ฟ้องเขาในข้อหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สิชลยังถูกฟ้องในความผิดตาม ม.116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แทน สะท้อนให้เห็นการใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ ม.116 เป็นเครื่องมือปิดกั้นการแสดงความเห็นในประเด็นที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์แทน ม.112