ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • การชุมนุม
  • พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ (ใช้เครื่องขยายเสียง)
ดำ อ.732/2566

ผู้กล่าวหา
  • ฝ่ายสืบสวน สน.นางเลิ้ง (ตำรวจ)
ผู้ถูกดำเนินคดี

ข้อหา

  • การชุมนุม
  • พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ (ใช้เครื่องขยายเสียง)
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)

หมายเลขคดี

ดำ อ.732/2566
ผู้กล่าวหา
  • ฝ่ายสืบสวน สน.นางเลิ้ง

ความสำคัญของคดี

“เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักศึกษาและนักกิจกรรมวัย 23 ปี จากกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำ ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นคดีที่ 3 จากการปราศรัยในกิจกรรมวันแรงงานสากล ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2565 โดยถูกกล่าวหาว่า คำปราศรัยใช้ถ้อยคำเสียดสี พาดพิง ซึ่งก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ ทำให้ประชาชนรู้สึกเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวม 4 ข้อความ โดย 3 ข้อความ มีเนื้อหากล่าวพาดพิงถึงเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ และสถาบันกษัตริย์

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการตีความประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้ขยายครอบคลุมไปมากกว่า กษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทั้งที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมาย ซึ่งขัดต่อหลักกฎหมายอาญาที่ต้องตีความอย่างเคร่งครัด และถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือปิดกั้นเสรีภาพในการความเห็นของประชาชน กระทบต่อเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี

ปัญญ ไพศาลรภัทร พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 บรรยายคำฟ้องมีเนื้อหาโดยสรุปว่า

1. เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2565 จำเลยได้กล่าวปราศรัยมีใจความบางช่วงในประเด็นเหล่านี้

- ในช่วงที่ประเทศไทยยังขาดวัคซีนโควิดที่มีคุณภาพ มีวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกหายไป โดยกล่าวถึงเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี และกลุ่มเพื่อนที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ก่อนหน้าประชาชน

ซึ่งทำให้คนฟังเข้าใจว่า เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี และพระสหายว่าลักเอาวัคซีนไฟเซอร์ไปฉีดให้ตนเอง เพื่อที่จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศ โดยประการที่น่าจะทำให้เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ซึ่งเป็นรัชทายาทของรัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง โดยจำเลยมีเจตนาทำลายสถาบันกษัตริย์ ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา

- วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ซึ่งเครือข่ายราชวงศ์ได้รับวัคซีน จากการเข้าถือหุ้น แต่ประชาชนไม่ได้วัคซีน “ผมถึงย้ำเสมอว่าขอให้ตระหนักถึงคุณค่าของทุกคนว่า ทุกคนคือแรงงาน ทุกคนมีศักดิ์ศรีที่จะได้วัคซีนและอื่นๆ แต่ศักดินา ระบอบกษัตริย์ นายทุน รัฐบาล ได้ขโมยสวัสดิการ ขโมยอำนาจอธิปไตยไปจากเรา”

ซึ่งทำให้คนฟังเข้าใจว่า รัชกาลที่ 10 ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทที่ผลิตวัคซีนดังกล่าว ทำให้ราชวงศ์และข้าราชบริพาร ได้รับวัคซีน แต่ประชาชนกลับไม่ได้รับ ตลอดจนทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่ากษัตริย์ ขโมยอำนาจอธิปไตยจากประชาชน โดยประการที่น่าจะทำให้รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง โดยจำเลยมีเจตนาทำลายสถาบันกษัตริย์ ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา

- เครื่องมือทางการแพทย์ โรงพยาบาล ตลอดจนเงินซื้อวัคซีนและซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นเงินบริจาคจากประชาชน ไม่ใช่เงินของกษัตริย์ หรือมหาราชพระองค์ใด

ทำให้คนฟังเข้าใจว่า สถาบันกษัตริย์ช่วยเหลือประชาชนเพียงในนาม ไม่ได้ช่วยเหลือจริง งบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ทางการแพทย์ก็มาจากเงินภาษีประชาชน โดยประการที่น่าจะทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมพระเกียรติ

- ชีวิตที่เกิดมาได้ใช้คุ้มแล้ว หรืออยากตายอย่างทาสให้ศักดินา ให้สถาบันกษัตริย์กดหัวก็เลือกเอา แต่จงศรัทธาในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถ้าหากทุกคนถูกลิดรอนสิทธิ ขอให้เรียกร้องสิทธิออกมา

ทำให้คนฟังเข้าใจว่า สถาบันกษัตริย์กดขี่ประชาชน ประชาชนเป็นทาส ประชาชนควรเรียกร้องสิทธิของตน โดยประการที่น่าจะทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมพระเกียรติ ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อสถาบันกษัตริย์

2. วันดังกล่าว จำเลยได้ปราศรัยแสดงความคิดเห็นต่อกลุ่มคนที่มาทำกิจกรรรม "แจกน้ำยาให้หมามันกิน" โดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต

(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.732/2566 ลงวันที่ 15 มี.ค. 2566)

ความคืบหน้าของคดี

  • ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาในคดีตามมาตรา 112 ต่อ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักศึกษาและนักกิจกรรมจากกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เหตุจากการปราศรัยในกิจกรรมวันแรงงานสากล ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2565 ขณะโสภณถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นวันที่ 19 หลังเขาถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ในคดีมาตรา 112 ของ สน.สำราญราษฎร์ จากการปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 และไม่ได้รับการประกันตัว

    ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ประสานงานแจ้งกับทนายความว่ามีหมายจับของโสภณ ออกโดยศาลอาญาในอีกคดีหนึ่ง จึงนัดหมายเดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำ

    พ.ต.ท.สำเนียง โสธร รองผู้กำกับสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาต่อโสภณ ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยมีทนายความเข้าร่วมฟังการสอบสวนด้วย

    พฤติการณ์ข้อกล่าวหาระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติการสืบสวนหาข่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับการกลุ่มบุคคลที่มีความเคลื่อนไหวในทางการเมือง และมีความเห็นต่างต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยได้ติดตามหาข่าวทางสื่อโซเชียลต่างๆ

    ต่อมา พบว่าวันที่ 30 เม.ย. 2565 เพจเฟซบุ๊กชื่อกลุ่ม “เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน” ได้โพสต์ข้อความกิจกรรมในวันกรรมกรสากล วันที่ 1 พ.ค. 2565 ชื่อกิจกรรม #แจกน้ำยาให้หมามันกิน “เป็นอีกหนึ่งปีที่ผู้ใช้แรงงานยังตกอยู่ในสถานการณ์กัดก้อนเกลือกิน ในขณะที่นโยบายลอยลมของรัฐบาลไม่เคยเกิดขึ้นจริงตามที่พูด” จึงเชิญชวนร่วมกันแจกน้ำยาให้รัฐบาล ณ หน้าบ้านพิษณุโลก และออกเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.00 น.

    ต่อมาวันที่ 1 พ.ค. 2565 ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกันเพื่อเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล ประมาณ 50 คน โดยมีตำรวจ สน.นางเลิ้ง ดูแลความเรียบร้อย จนไปถึงบริเวณแยกพาณิชยการ หน้าศาลกรมหลวงชุมพรฯ จากนั้นเวลา 11.12 น. นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ได้ขึ้นปราศรัยบนรถยนต์กระบะติดตั้งเครื่องเสียง โดยใช้ถ้อยคำเสียดสี พาดพิง ซึ่งก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ ใช้เวลาประมาณ 28 นาที

    ข้อกล่าวหาได้ถอดคำปราศรัยบางส่วน ทั้งหมด 4 ช่วง ของโสภณ มากล่าวหาว่าเข้าข่ายตามมาตรา 112 ได้แก่

    1. ข้อความกล่าวถึงการแย่งชิงวัคซีนไฟเซอร์ และมีวัคซีนล็อตที่หายไป โดยมีการพาดพิงถึงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ที่ทรงได้ฉีดวัคซีนดังกล่าวก่อน ผู้กล่าวหาระบุว่าข้อความปราศรัย อาจทำให้ประชาชนทั่วไปซึ่งได้รับฟังและรับชมการแพร่ภาพสด รู้สึกเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และทำให้พระมหากษัตริย์ทรงถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง

    2. ข้อความกล่าวถึงวัคซีนยี่ห้อแอสตราเซเนกา ว่ารัชกาลที่ 10 ทรงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้คนในเครือข่ายได้รับประโยชน์จากวัคซีน แต่ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับวัคซีน ทำให้ประชาชนทั่วไปซึ่งได้รับฟังและรับชมการแพร่ภาพสด รู้สึกเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และทำให้พระมหากษัตริย์ทรงถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง

    3. ข้อความกล่าวถึงการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ การก่อสร้างโรงพยาบาลหรืออาคารต่างๆ มาจากเงินบริจาคของประชาชน ไม่ใช่เงินจากสถาบันกษัตริย์ ทำให้ประชาชนทั่วไปซึ่งได้รับฟังและรับชมการแพร่ภาพสด รู้สึกเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และทำให้พระมหากษัตริย์ทรงถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง

    4. ข้อความกล่าวถึงการกดหัวประชาชนอย่างทาส และประชาชนต้องเรียกร้องสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งผู้กล่าวหาเห็นว่าถ้อยคำดังกล่าวเป็นการใส่ความในทางที่เสียหายต่อพระมหากษัตริย์ด้วยความเท็จ จงใจให้พระองค์เกิดความเสียหาย ทำให้ประชาชนทั่วไปซึ่งได้รับฟังและรับชมการแพร่ภาพสด รู้สึกเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และทำให้พระมหากษัตริย์ทรงถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง

    เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับโสภณ

    หลังการแจ้งข้อกล่าวหา โสภณได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 30 วัน

    (อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ลงวันที่ 20 พ.ค. 2565 และ https://tlhr2014.com/archives/43895)
  • ที่ศาลอาญา รัชดาฯ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ได้ยื่นฟ้องเก็ทในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ

    อัยการโจทก์บรรยายฟ้องถึงคำปราศรัยของเก็ทในกิจกรรมวันแรงงานสากล เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2565 ใน 4 ช่วง โดยกล่าวหาว่า คำปราศรัยดังกล่าวเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน และทำให้ประชาชนที่ได้ฟังเสื่อมศรัทธาต่อกษัตริย์ รวมถึงเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ซึ่งอัยการเห็นว่าเป็นรัชทายาท นอกจากนี้ การปราศรัยในวันดังกล่าวยังไม่ได้ขออนญาตใช้เครื่องขยายเสียงด้วย

    ท้ายคำฟ้องอัยการยังคัดค้านการปล่อยชั่วคราวจำเลย โดยอ้างว่าเป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคง มีอัตราโทษสูง และหากปล่อยตัวไปอาจกระทำความผิดซ้ำอีก

    เป็นข้อน่าสังเกตที่อัยการระบุด้วยว่า ปัจจุบัน จำเลยถูกขังในอีกคดีของศาลนี้ (คดีปราศรัยใน #ทัวร์มูล่าผัว) จึงขอให้เบิกตัวจำเลยในคดีดังกล่าวมาพิจารณาพิพากษาในคดีนี้ด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงคือ เก็ทได้รับการประกันตัวในคดีกล่าวแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 2566

    (อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.732/2566 ลงวันที่ 15 มี.ค. 2566 และ https://tlhr2014.com/archives/55068)
  • เก็ทและทนายความเดินทางไปที่ศาลอาญา หลังพนักงานอัยการโทรมาแจ้งให้เก็ทไปยื่นประกันตัว เนื่องจากอัยการได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาแล้ว โดยที่ก่อนหน้านั้นไม่สามารถติดต่อเก็ทและทนายได้

    คำร้องขอประกันระบุประเด็นสำคัญว่า ปัจจุบันจำเลยต้องเข้ารับการรักษาตัวจากอาการป่วยโรคประสาทรวน เนื่องจากการอดนอนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรอผลตรวจ อีกทั้งจำเลยยังมีอาการข้างเคียง โดยมีอาการมือสั่น และไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกตาได้ ซึ่งเป็นสภาวะที่สืบเนื่องมาจากโรคดังกล่าว

    ต่อมาเวลา 16.37 น. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกัน ระบุในคำสั่งว่า “อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยในระหว่างพิจารณา โดยให้วางหลักทรัพย์ประกัน 90,000 บาท” โดยได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ ศาลกำหนดนัดสอบคำให้การในวันที่ 2 พ.ค. 2566 เวลา 09.00 น.

    สำหรับเก็ท ถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 ทั้งหมด 3 คดี นอกจากคดีนี้ ยังมีคดีปราศรัยในกิจกรรม “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน” เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565 ที่ถูกฟ้องที่ศาลอาญาธนบุรี และคดีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 ที่ถูกฟ้องที่ศาลอาญา

    (อ้างอิง: คำร้องประกอบคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.732/2566 ลงวันที่ 20 มี.ค. 2566 และ https://tlhr2014.com/archives/55068)

ชั้นสอบสวน

ผู้ถูกดำเนินคดี :
โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-

ศาลชั้นต้น

ผู้ถูกดำเนินคดี :
โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง

ผลการพิพากษา
-
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์