ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • การชุมนุม
  • พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (มาตรา 9)
  • พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ (ใช้เครื่องขยายเสียง)
  • พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ
ดำ อ.1859/2564

ผู้กล่าวหา
  • พ.ต.ท.ศราวุฒิ ทองภู่ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.ธัญบุรี (ตำรวจ)
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • การชุมนุม
  • พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (มาตรา 9)
  • พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ (ใช้เครื่องขยายเสียง)
  • พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ
ดำ อ.1859/2564

ผู้กล่าวหา
  • พ.ต.ท.ศราวุฒิ ทองภู่ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.ธัญบุรี (ตำรวจ)
ผู้ถูกดำเนินคดี

ข้อหา

  • การชุมนุม
  • พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (มาตรา 9)
  • พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ
  • พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ (ใช้เครื่องขยายเสียง)
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)

หมายเลขคดี

ดำ อ.1859/2564
ผู้กล่าวหา
  • พ.ต.ท.ศราวุฒิ ทองภู่ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.ธัญบุรี

ข้อหา

  • การชุมนุม
  • พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (มาตรา 9)
  • พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ
  • พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ (ใช้เครื่องขยายเสียง)
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)

หมายเลขคดี

ดำ อ.1859/2564
ผู้กล่าวหา
  • พ.ต.ท.ศราวุฒิ ทองภู่ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.ธัญบุรี

ความสำคัญของคดี

"ฟ้า" พรหมศร วีระธรรมจารี จากกลุ่มราษฎรมูเตลู และ "แอมมี่" ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ นักร้อง ถูกดำเนินคดี "หมิ่นประมาทกษัตริย์" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยถูกกล่าวหาว่า ร้องเพลงที่มีการดัดแปลงเนื้อให้มีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทกษัตริย์ ขณะนักกิจกรรมและประชาชนรวมตัวกันที่หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 เพื่อเรียกร้องให้ศาลปล่อยตัว “นิว" สิริชัย นาถึง ซึ่งถูกจับกุมกลางดึกตามหมายจับในคดี 112 กรณีพ่นสีข้อความ “ภาษีกู”, “ยกเลิก 112” บนรูปพระบรมวงศานุวงศ์และป้าย

พรหมศรเดินทางเข้ารับทราบข้อหาตามนัด แต่พนักงานสอบสวนนำตัวไปขอศาลฝากขัง และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว นับเป็นกรณีแรกหลังจากการนำมาตรา 112 มาใช้ดำเนินคดีอีกครั้งในเดือน พ.ย. 2563 ที่ผู้ถูกออกหมายเรียกเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมาย แต่กลับถูกนำตัวไปขอฝากขังที่ศาล และไม่ได้รับการประกันตัว แม้ยื่นประกันถึง 5 ครั้ง ก่อนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะอนุญาตให้ประกัน หลังถูกขังระหว่างสอบสวน 55 วัน โดยให้ติด EM และกำหนดเงื่อนไข ห้ามเข้าร่วมกิจกรรมที่จะทําความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์

ส่วนแอมมี่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาขณะที่ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำในคดีมาตรา 112 กรณีรูป ร.10 หน้าเรืองจำคลองเปรมถูกวางเพลิง

พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี

พนักงานอัยการจังหวัดธัญบุรี กล่าวหาว่า พรหมศร จำเลยที่ 1 และไชยอมร จำเลยที่ 2 กับพวกซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันกระทําความผิดต่อกฎหมายรวม 3 กรรม ดังนี้

1. เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2564 จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันชุมนุม จัดกิจกรรมในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค โดยไม่มีมาตรการป้องกัน อันอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายแพร่ออกไป

2. จำเลยทั้งสองยังได้ร่วมกันแสดงความเห็นแก่ประชาชนที่ร่วมชุมนุมหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี และประชาชนทั่วไป ผ่านเครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาต

3. ประเทศไทยปกครองโดยพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จนปัจจุบันที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผู้ใดจะละเมิดหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์มิได้ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งรัฐและประชาชนต่างมีหน้าที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งพระมหากษัตริย์ ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 50 บัญญัติไว้ นอกจากนี้ ในประมวลกฎหมายอาญายังมีบทบัญญัติเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ไว้แตกต่างจากบุคคลทั่วไป คือมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ โดยพรหมศรได้เปิดเพลง “สดุดีจอมราชา” และ “ในหลวงของแผ่นดิน” แต่ได้ร้องเพลงตามเพลงดังกล่าว โดยดัดแปลงเนื้อเพลงเพื่อเจตนาดูหมิ่น และหมิ่นประมาทใส่ความแสดงต่อเจ้าพนักงานตํารวจและประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม

ซึ่งเพลง “สดุดีจอมราชา” เป็นเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อใช้ในการขับร้องถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสสําคัญต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 10 และเพลง “ในหลวงของแผ่นดิน” เป็นเพลงที่จัดทําขึ้นเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ของรัชกาลที่ 9

ด้านไชยอมรได้พูดว่า “ขอซาวด์เช็คกันหน่อยครับ วัน ทู ทรี โฟร์ ฟาย” แล้วพรหมศรกับพวกได้ร่วมกันร้องรับว่า “ ไอ้เหี้ย [...]” และไชยอมรได้พูดว่า “ซิก เซเว่น เอ้ก ไนน์” แล้วพรหมศรกับพวกได้ร่วมกันร้องรับว่า “ไอ้เหี้ย[...]”

ซึ่งเป็นการกล่าวถึงรัชกาลที่ 10 ด้วยถ้อยคําหยาบคาย อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายรัชกาลที่ 10 ให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง โดยเจตนาทําให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาไม่เคารพสักการะในองค์พระมหากษัตริย์ อันทรงเป็นประมุขในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลจังหวัดธัญบุรี คดีหมายเลขดำที่ อ.1859/2564 ลงวันที่ 8 มิ.ย. 2564)

ความคืบหน้าของคดี

  • พรหมศร เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหามาตรา 112 ตามหมายเรียก ที่ สภ.ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ทั้งที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา โดยถูกเย็บ 15 เข็มและได้รับบาดเจ็บหนัก ทำให้เขามีบาดแผลตามร่างกายจำนวนมาก

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2564 ขณะพรหมศรเข้ารับทราบข้อกล่าวหามาตรา 112 ที่ สภ.คลองหลวง ในคดีปาอาหารสุนัขเรียกร้องให้ปล่อยตัว สิริชัย พ.ต.ท.ภุมเรศ อินทร์คง พนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี ได้แจ้งว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาอีกคดีหนึ่ง จากกรณีที่พรหมศรไปปราศรัยที่หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เรียกร้องให้ศาลปล่อยตัวสิริชัย แต่ต่อมา พ.ต.ท.ภุมเรศ แจ้งว่า เตรียมเอกสารมาไม่ครบ จะส่งเป็นหมายเรียกผู้ต้องหาให้พรหมศรเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันอื่นแทน

    หมายเรียกที่พรหมศรได้รับระบุว่า คดีนี้มี พ.ต.ท.ศราวุฒิ ทองภู่ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.ธัญบุรี เป็นผู้กล่าวหา โดยกำหนดไว้กว้างๆ ว่าให้ไปรับทราบข้อหาในวันที่ 15-17 มี.ค 64 เวลา 9.00-16.00 น.

    พ.ต.ท.ภุมเรศ แจ้งพฤติการณ์ในคดีว่าเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2564 พ.ต.ท.ศราวุฒิ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการสืบสวนหาข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เนื่องจากตำรวจได้ทำการจับกุมตัวสิริชัย นาถึง นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และพบว่าได้มีการประกาศผ่านเฟซบุ๊กเพจ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” นัดรวมตัวกันที่ศาลจังหวัดธัญบุรี เนื่องจากทางตำรวจจะนำตัวสิริชัยไปขอฝากขังต่อศาลในวันรุ่งขึ้น

    วันที่ 14 ม.ค. 2564 เวลาประมาณ 05.30 น. สภ.ธัญบุรี ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร บริเวณศาลจังหวัดธัญบุรี และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียงไว้หากมีการฝ่าฝืนกฎหมาย

    เวลา 08.30 น. ได้มีกลุ่มมวลชนนำโดย พรหมศร และไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ (แอมมี่) มารวมกลุ่มที่หน้าศาล ต่อมาพรหมศรได้ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวปราศรัย กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ สภ.คลองหลวง การจับกุมในยามวิกาล และยังกล่าวถึงการปิดการจราจรหากไม่ปล่อยตัวนายสิริชัย

    ผู้กล่าวหาอ้างว่าจากพฤติการณ์ของแกนนำมวลชนทั้งสองคน มีการใช้เครื่องขยายเสียงเรียกร้องกดดันให้ศาลปล่อยตัวสิริชัย โดยขณะที่ชุมนุมไม่มีมาตรการป้องกันตามมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ซึ่งบางคนก็สวมใส่หน้ากาก บางคนก็ไม่สวมใส่ ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค เป็นการขัดต่อข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และคำสั่งจังหวัดปทุมธานีที่ 9/2564 ลงวันที่ 4 ม.ค. 2564 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และได้ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าพนักงาน

    ผู้กล่าวหาระบุว่า พรหมศรได้ปราศรัยเนื้อหาที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทกษัตริย์ โดยมีการเปิดเพลง “สดุดีมหาราชา” “ต้นไม้ของพ่อ” “ในหลวงของแผ่นดิน” และแปลงเนื้อเพลงในลักษณะเป็นการดูหมิ่น จาบจ้วง ใส่ร้าย ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศต่อองค์พระมหากษัตริย์ อีกทั้งยังทำให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท ทำให้สถาบันกษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยเสื่อมเสียอีกด้วย จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34 (6) และใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

    พรหมศรให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจะขอให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือต่อไป

    เวลา 15.13 น. หลังแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จ ขณะฟ้าและทนายความเตรียมเดินทางกลับ พนักงานสอบสวนแจ้งว่าจะนำตัวพรหมศรไปขอฝากขังต่อศาลจังหวัดธัญบุรี โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้ามาก่อน ทนายความขอเวลาพูดคุยกับพรหมศรก่อน แต่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผู้กำกับ สภ.ธัญบุรี ไม่อนุญาตและยืนยันให้นำตัวไปศาลทันที โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นาย ล้อมผู้ต้องหาและทนายความไว้ด้วย

    พ.ต.ท.บุญยิ่ง บัณฑิตไทย รองผู้กำกับ (สอบสวน) พร้อม พ.ต.ท.ภุมเรศ นำตัวพรหมศรไปขอศาลฝากขัง โดยระบุว่าในชั้นนี้ผู้ต้องหายังไม่เป็นผู้ถูกจับและยังไม่มีการขอให้ศาลออกหมายจับแต่อย่างใด ผู้ต้องหากระทำผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เทิดทูนของปวงชนชาวไทย อีกทั้งผู้ต้องหาไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด ได้กระทำความผิดซ้ำซาก หากปล่อยตัวไปเกรงว่าจะหลบหนี แล้วไปกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีก จึงมีเหตุที่จะขอให้ศาลออกหมายขังผู้ต้องหานี้ตามกฎหมาย

    ตำรวจยังอ้างถึงเหตุจำเป็นในการสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปาก และรอผลการตรวจประวัติอาชญากร จึงขอฝากขังเป็นระยะเวลา 12 วัน พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว เพราะคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และจะไปกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันอีก

    ทนายความได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังผู้ต้องหา โดยยืนยันว่าผู้ต้องหามาพบตามหมายเรียก รวมทั้งมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ได้มีพฤติการณ์จะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

    เวลา 17.24 น. ศาลจังหวัดธัญบุรีอนุญาตให้ฝากขังพรหมศรในชั้นสอบสวนตามคำร้องของพนักงานสอบสวน ทนายความจึงได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยวางหลักทรัพย์จำนวน 150,000 บาท จากกองทุนช่วยเหลือคดีการเมือง

    ต่อมาเวลา 18.00 น. ศาลจังหวัดธัญบุรี ได้มีคำสั่งไม่ให้ประกันพรหมศร โดยระบุว่าพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีตามคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 ประกอบคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาแล้ว เห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์คดีและลักษณะการกระทำเกรงว่าจะหลบหนีและไปกระทำความผิดซ้ำในลักษณะเดียวกันอีก จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ทั้งนี้ ไม่ได้มีการลงชื่อผู้พิพากษาที่ออกคำสั่ง

    ผลของคำสั่งดังกล่าว ทำให้พรหมศรถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำอำเภอธัญบุรี

    (อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา สภ.ธัญบุรี, คำร้องขอให้ศาลออกหมายขังครั้งที่ 1 ศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 17 มี.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/27104)
  • เวลา 11.20 น. พ.ต.ท.บุญยิ่ง บัณฑิตไทย รองผู้กํากับการสอบสวน สภ.ธัญบุรี และ พ.ต.ท.ภุมเรศ อินทร์คง สารวัตรสอบสวน สภ.ธัญบุรี เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ – The Bottom Blues” ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี จากกรณีการร่วมชุมนุมและร้องเพลงเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 ที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เช่นเดียวกับพรหมศร

    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2564 พนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี ได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษธนบุรีแล้วครั้งหนึ่งเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาไชยอมร โดยได้เตรียมทนายความไปด้วย แต่ไชยอมรยืนยันว่าจะใช้ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเท่านั้น

    ในบันทึกแจ้งข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหาได้อธิบายพฤติการณ์ของคดีไว้ว่า พรหมศรและไชยอมรได้นำมวลชนเดินทางไปรวมกลุ่มกันที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี และได้กล่าวปราศรัยกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่รอการมาถึงของ “นิว” สิริชัย ซึ่งกำลังจะถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจ สภ.คลองหลวงนําตัวมาฝากขังต่อศาล

    ระหว่างการปราศรัย ไชยอมรได้นำเพลง “วัน ทู ทรี โฟร์ ฟาย” มาแปลงเนื้อเพลงและร้องร่วมกับมวลชนอย่างสนุกสนาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่าเป็นการเสียดสีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไชยอมรยังพูดต่ออีกว่า “อันนี้ผมยังไม่โดน 112 นะ คุณจะมาดันให้ผมโดนเลยเหรอ ใส่พานมาเลย” ระหว่างนั้นพรหมศรได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยเป็นระยะ

    จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อไชยอมรรวม 4 ข้อหา เช่นเดียวกับพรหมศร ได้แก่ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34 (6) และใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ไชยอมรได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะส่งคำให้การเป็นหนังสือเพิ่มเติมภายในวันที่ 12 เม.ย. 2564 โดยไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา แต่วาดรูปคนแทน

    นับเป็นการถูกกล่าวหาในคดีตามมาตรา 112 คดีที่สองของไชยอมร หลังจากคดีแรก สืบเนื่องจากกรณีวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 บริเวณด้านหน้าเรือนจำคลองเปรม ในช่วงเช้ามืดวันที่ 28 ก.พ. 2564 ซึ่งถูกฝากขังระหว่างสอบสวนมาตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 2564 โดยยังไม่ได้รับการประกันตัว

    (อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา เรือนจำพิเศษธนบุรี ลงวันที่ 18 มี.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/27199)
  • ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ทนายความเข้ายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัวพรหมศร โต้แย้งคำสั่งศาลจังหวัดธัญบุรี โดยยืนยันว่า

    1. คดีที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหานั้น แม้เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง แต่การอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนั้น ไม่อาจพิจารณาเพียงข้อหาหรือฐานความผิดที่ถูกกล่าวหา ในคดีอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหาในข้อหาเดียวกันนี้ หรือข้อหาร้ายแรงอื่นๆ ศาลก็ใช้ดุลยพินิจให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ การอาศัยเพียงฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นบทสันนิษฐานเบ็ดเสร็จเด็ดขาดว่าเป็นคดีร้ายแรงมีอัตราโทษสูง จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จึงไม่อาจรับฟังได้และไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง

    อีกทั้งการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ตามความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่ประเทศไทยเป็นภาคี

    “ผู้ร้องเชื่อว่าศาลซึ่งเป็นองค์กรตุลาการ อันเป็นเสาหลักหนึ่งของการปกครองตามหลักการแบ่งแยกอำนาจ จะมีบทบาทสำคัญในการดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่สังคมไทยมีการตื่นตัวด้านสิทธิพลเมืองและประชาธิปไตยเช่นปัจจุบัน และใช้ดุลยพินิจในทางคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชน”

    2. คำร้องระบุว่าผู้ต้องหาคงไม่สามารถไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือหลบหนีไปได้ เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเพียงบุคคลธรรมดา กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี ก่อนวันดังกล่าว ผู้ต้องหาเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ มีบาดแผลฉกรรจ์หลายจุด ต้องเย็บที่ปาก ศีรษะ ขา แขน และมือทั้งสองข้าง หากผู้ต้องหาคิดจะหลบหนี คงไม่มาแสดงตัวตามหมายเรียก และมาให้การในชั้นสอบสวนในวันถัดจากประสบอุบัติเหตุดังกล่าว

    การที่ศาลจังหวัดธัญบุรีไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาด้วยเหตุเกรงว่าจะหลบหนี จึงไม่เป็นธรรม และยังขัดต่อหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ในกฎหมายอาญา ซึ่งได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศ

    3. ข้ออ้างของพนักงานสอบสวนที่ต้องขอฝากขังผู้ต้องหา เนื่องจากการสอบพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปาก และรอผลตรวจลายนิ้วมือผู้ต้องหานั้น ในการไต่สวนขอฝากขัง พนักงานสอบสวนก็ได้เบิกความว่าเหตุดังกล่าวนั้น ไม่จำเป็นต้องควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้แต่อย่างใด

    ทั้งการอ้างเหตุว่าผู้ต้องหาจะกระทำผิดซ้ำทั้งโดยพนักงานสอบสวนและศาลจังหวัดธัญบุรี ก็ไม่เป็นธรรมกับผู้ต้องหา เพราะเปรียบเสมือนเป็นการพิพากษาไปแล้วว่าผู้ต้องหากระทำความผิด ทั้งที่ทุกๆ คดีที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาอยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวนทั้งสิ้น

    หากอาศัยพฤติการณ์ที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหา เรื่องการดัดแปลงเนื้อเพลง ซึ่งมิได้เป็นอาชญากรรมร้ายแรง และอันตรายแก่ชีวิตบุคคลทั่วไป การใช้เหตุผลเรื่องพฤติการณ์เกี่ยวกับคดี เป็นเหตุไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนั้นไม่เป็นธรรมกับผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่มีคำตัดสินจากศาลใดๆ ว่ามีความผิด

    ภายหลังศาลจังหวัดธัญบุรีได้ส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณา

    (อ้างอิง: คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 20 มี.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/27264)
  • ช่วงเช้า ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ครอบครัวของพรหมศรเดินทางไปฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยศาลธัญบุรีเป็นผู้อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงวันที่ 20 มี.ค. 2564 ไม่อนุญาตให้ประกันตัวพรหมศร โดยมีความเห็นยืนตามศาลจังหวัดธัญบุรี ระบุว่า "พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ข้อหาตามคําร้องเป็นข้อหาที่ร้ายแรงเกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร มีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน หากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนีหรือมีพฤติการณ์กระทําความผิดขึ้นอีก กรณียังไม่มีเหตุสมควรที่จะปล่อยชั่วคราว ให้ยกคําร้อง"

    ทำให้พรหมศรยังถูกคุมขังที่เรือนจำอำเภอธัญบุรีระหว่างการสอบสวนต่อไป หลังจากถูกขังมาเป็นเวลา 6 วันแล้ว

    (อ้างอิง: คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงวันที่ 20 มี.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/27264)
  • ทนายและครอบครัวยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพรหมศรเป็นครั้งที่ 2 โดยเพิ่มเงื่อนไขติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EM) ติดตามตัว นอกเหนือจากหลักประกันเป็นเงินสด 150,000 บาท

    คำร้องขอประกันครั้งนี้ มีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้

    1. หากผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จะทําให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ต้องหายังต้องประกอบอาชีพ เพื่อเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว กล่าวคือ บิดาของผู้ต้องหาอายุหกสิบปีกว่า มีโรคประจําตัวหลายโรค และปัจจุบันก็ป่วยหนัก มารดาก็ไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ สภาพร่างกายและจิตใจอ่อนแอมากๆ ทั้งบิดาและมารดามีผู้ต้องหาเพียงคนเดียวเป็นผู้ส่งเสียและเลี้ยงดู การไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวเป็นการได้รับผลร้ายเกินสมควร

    2. พฤติการณ์ต่าง ๆ แห่งคดีตามที่พนักงานสอบสวนกล่าวหา เป็นเพียงการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออก และเสรีภาพในการชุมนุม โดยไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียหายถึงแก่ชีวิต แก่ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของประชาชน หรือก่อให้เกิดผลเสียหายร้ายแรง ต่อสังคมโดยรวมแต่อย่างใด

    3. ผู้ต้องหายังคงเป็นเพียงผู้ถูกฟ้องคดีกล่าวหาว่ากระทําความผิดในฐานความผิดที่มีโทษทางอาญาเท่านั้น ยังมิได้ผ่านการพิจารณาพิพากษาของศาลว่าเป็นความผิดหรือไม่อย่างไร อีกทั้งการถูกกล่าวหาคดีในฐานความผิดที่มีอัตราโทษทางอาญามิได้เป็นเหตุผลเบ็ดเสร็จเพียงพอว่า ผู้ต้องหาจะมีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี หรือเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน

    ท้ายคำร้องยังได้หยิบยกกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights – ICCPR) และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่ว่า “บุคคลทุกคนซึ่งต้องหาว่ากระทําผิดอาญาต้องมีสิทธิได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ตามกฎหมายได้ว่ามีความผิด” เพื่อให้ศาลใช้ประกอบการพิจารณาให้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว

    นอกจากนี้ ทนายได้ขอติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EM) เป็นเงื่อนไขการขอประกันตัว ประกอบกับเงินสด 150,000 บาท เป็นหลักประกัน

    อย่างไรก็ตาม ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกัน โดยระบุเหตุผลว่า “พิเคราะห์แล้ว ศาลนี้เคยสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้เหตุผลไว้ชัดแจ้งแล้ว กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว”

    ทั้งนี้ พรหมศรถูกคุมขังระหว่างชั้นสอบสวนที่เรือนจำอำเภอธัญบุรีมาเป็นเวลา 8 วันแล้ว และตั้งแต่วันที่ 2 ของการถูกขัง พรหมศรก็ตัดสินใจอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัว เช่นเดียวกับพริษฐ์ที่อดอาหารมาเป็นเวลาร่วม 2 สัปดาห์แล้ว

    (อ้างอิง: คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 24 มี.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/27410)
  • ช่วงเช้า ทนายและครอบครัวเข้ายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพรหมศรเป็นครั้งที่ 3 นอกจากเสนอเงื่อนไขติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EM) ติดตามตัว ได้เพิ่มหลักประกันเป็นเงินสด 200,000 บาท พร้อมทั้งขอให้ศาลเรียกพนักงานสอบสวนมาไต่สวนประกอบการใช้ดุลพินิจให้ประกัน

    ประมาณเที่ยง ประชาชา ฉายแม้น ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดธัญบุรี มีคำสั่งไม่ให้ประกัน ระบุว่า "พิเคราะห์คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว คำร้องประกอบขอปล่อยตัวชั่วคราว ฉบับลงวันที่วันนี้ พฤติการณ์แห่งคดีชั้นสอบสวน และคำคัดค้านของพนักงานสอบสวน คดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดการไต่สวนตามคำขอของทนายความผู้ต้องหา โดยเหตุผลตามคำร้องของทนายความผู้ต้องหายังไม่มีเหตุเพียงพอให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง"

    พรหมศรถูกคุมขังระหว่างชั้นสอบสวนที่เรือนจำอำเภอธัญบุรีมาเป็นเวลา 13 วันแล้ว และตั้งแต่วันที่ 2 ของการถูกขัง พรหมศรก็ตัดสินใจอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัว เช่นเดียวกับพริษฐ์

    (อ้างอิง: คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 29 มี.ค. 2564)

  • ทนายความเข้ายื่นคำร้องขอประกันตัวเป็นครั้งที่ 4 โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 200,000 บาท พร้อมทั้งเสนอเงื่อนไขติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EM) ติดตามตัว และขอให้ศาลเรียกพนักงานสอบสวนมาไต่สวนประกอบการใช้ดุลพินิจ

    อย่างไรก็ตาม ภายในวันเดียวกันนั้นเอง ศาลจังหวัดธัญบุรีได้มีคำสั่งยกคำร้องขอประกันตัว โดยระบุเช่นเดิมว่า พิเคราะห์จากเนื้อหาในคำร้องประกอบแล้ว กรณียังไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง ให้ยึดตามคำสั่งเดิม

    สำหรับเนื้อหาในคำร้องขอประกันระบุเหตุผลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหลายประการที่เชื่อว่ามีผลให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งศาลได้ ได้แก่

    1. ผู้ต้องหายินยอมให้ศาลกำหนดเงื่อนไขว่า หากได้รับการประกันตัว จะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมที่พูดพาดพิงสถาบันฯ จะยินยอมให้มีการติดเครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) หรือห้ามออกนอกเขตกำหนด และจะเดินทางมาตามที่ศาลนัดหมายทุกครั้ง

    2. การฝากขังของพนักงานสอบสวนถือว่าไม่มีเหตุผลและน้ำหนักเพียงพอ ในการไต่สวนคําร้องฝากขังครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2564 ศาลจังหวัดธัญบุรีเองก็ได้กล่าวกําชับกับพนักงานสอบสวนแล้วว่า ให้ดําเนินการรวบรวมพยานหลักฐานโดยเร็ว ปรากฏว่าผ่านไปเดือนกว่าแล้ว ก็ยังคงไม่เสร็จสิ้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องครบถ้วนประเด็นนี้ ขอให้ศาลเรียกพนักงานสอบสวนมาทําการไต่สวนเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจ

    สําหรับคดีอื่นๆ ของผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาที่ สน. อื่น ทั้งหมดเป็นแต่เพียงการแสดงออกและการใช้สิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเท่านั้น การถูกตั้งข้อกล่าวหาเป็นเพียงการกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ตํารวจ ยังไม่มีคดีใดที่พนักงานอัยการสั่งฟ้องคดี และยังไม่ปรากฏว่ามีศาลใดพิพากษาลงโทษ จึงต้องถือว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ตามหลักสิทธิมนุษยชน กติการะหว่างประเทศฯ และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ไม่อาจจะถือได้ว่ามีพฤติการณ์ตามที่พนักงานสอบสวนกล่าวหา

    หากยึดถือเพียงข้อกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่ตํารวจเป็นเหตุผลประกอบว่า ผู้ต้องหาถูกดําเนินคดีในคดีอื่นที่มีลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ และมีคําสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวนั้น จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้อํานาจเบ็ดเสร็จแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในการแจ้งข้อกล่าวหาแก่บุคคลต่างๆ แล้วนําตัวมาฝากขังแล้วอ้างเป็นเหตุให้ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน โดยไม่มีกลไกการถ่วงดุลตรวจสอบตามหลักนิติรัฐ

    ในส่วนท้ายคำร้องระบุว่า หากพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีนี้ ผู้ต้องหาขอศาลได้โปรดเรียกพนักงานสอบสวนและผู้ต้องหามาไต่สวนเหตุในการคัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราว ว่ามีมูลเหตุจริงเท็จเพียงใด เพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของศาล

    คำสั่งไม่ให้ประกันของศาล ทำให้พรหมศรยังคงถูกคุมขังระหว่างชั้นสอบสวนที่เรือนจำอำเภอธัญบุรีต่อไป หลังถูกขังมาแล้ว 35 วัน

    (อ้างอิง: คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 20 เม.ย. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/28622)
  • ทนายความเดินทางไปที่ศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 คัดค้านคำสั่งไม่ให้ประกันตัวพรหมศรของศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา คำร้องอุทธรณ์มีเนื้อหาโดยสรุปดังต่อไปนี้

    1. ตามประมาลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 วางหลักไว้ว่า “การสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราว จะกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะหลบหนี (2) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน (3) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น (4) ผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันไม่น่าเชื่อถือ (5) การปล่อยชั่วคราวจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงานหรือการดำเนินคดีในศาล…”

    การที่ศาลจังหวัดธัญบุรีมีคำสั่งว่า “เป็นคดีอัตราโทษสูง ตามพฤติการณ์และลักษณะการกระทำเกรงว่าจะหลบหนี และไปกระทำความผิดซ้ำในลักษณะเดียวกันอีก” นั้น ไม่ถูกต้อง เนื่องจากคดีที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหานั้น แม้เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง แต่การอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้น ไม่อาจพิจารณาเพียงข้อหาหรือฐานความผิดที่ถูกฟ้องเท่านั้น คดีนี้ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สามถึงสิบห้าปี ซึ่งในคดีอื่นที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันหรือในข้อหาร้ายแรงอื่นๆ ศาลก็ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ และในประเด็นเรื่องกระทำผิดซ้ำหรือก่อให้เกิดภยันตรายอื่นนั้น พนักงานสอบสวนไม่ได้แสดงข้อเท็จจริงให้เห็นว่าผู้ร้องจะไปก่อเหตุร้ายประการอื่นแต่อย่างใด

    2. การอ้างเหตุว่าผู้ต้องหาจะกระทำผิดซ้ำทั้งโดยพนักงานสอบสวนและศาลจังหวัดธัญบุรี ก็ไม่เป็นธรรมกับผู้ต้องหา เพราะเปรียบเสมือนเป็นการพิพากษาไปแล้วว่าผู้ต้องหากระทำความผิด ทั้งที่ทุกๆ คดีที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาอยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวนทั้งสิ้น

    ในส่วนท้ายคำร้องระบุว่า หากศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งยกคำสั่งของศาลจังหวัดธัญบุรี และอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา หากศาลเห็นว่ามีความจำเป็นต้องมีมาตรการหรือเงื่อนไขเพิ่มเติม ขอให้ศาลอุทธรณ์ ระบุเงื่อนไขให้ชัดเจน ซึ่งผู้ต้องหารับว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล

    (อ้างอิง: คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 24 เม.ย. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/28797)
  • เวลา 11.20 น. ศาลจังหวัดธัญบุรีอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยทนายความเข้ารับฟัง มีใจความว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดี เป็นข้อหาร้ายแรงเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และพนักงานสอบสวนคัดค้าน ประกอบกับมีการกระทำในลักษณะเดียวกันอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยชั่วคราวอาจหลบหนี หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น จึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม คำสั่งศาลชั่นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง”

    ส่งผลให้ฟ้า พรหมศร ยังคงถูกคุมขังที่เรือนจำอำเภอธัญบุรีในระหว่างการสอบสวน ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 2564 นับเป็นเวลา 40 วันแล้ว

    (อ้างอิง: คำสั่งศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 25 เม.ย. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/28797)
  • ทนายความเข้ายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพรหมศรเป็นครั้งที่ 5 โดยวางเงินสดเป็นหลักประกัน 200,000 บาท ระบุเหตุผลโดยสรุปดังนี้

    1. ในการขอปล่อยตัวชั่วคราวนี้ได้มีหลักประกันตามหลักเกณฑ์มาตรฐานที่ศาลได้กําหนด ถือได้ว่าเป็นหลักประกันที่มีความน่าเชื่อถือโดยพยานหลักฐานในคดีนี้ ถูกรวบรวมไว้โดยเจ้าพนักงานตํารวจครบถ้วนแล้ว ผู้ต้องหาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ และผู้ต้องหาเป็นผู้มีภูมิลําเนาถิ่นฐานที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน หากไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาอาจจะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่สามารถแสวงหาพยานหลักฐานมาต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่และเป็นธรรม

    ดังนั้น หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาโดยไม่หลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือจะไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่น หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการสอบสวนหรือการพิจารณาคดีของศาล โดยมารดาของผู้ต้องหาได้เขียนจดหมายแนบท้ายไว้ ตามเอกสารท้ายคําร้องเพื่อยืนยันด้วย

    2. เหตุผลของพนักงานสอบสวนในการฝากขังผู้ต้องหานั้น ไม่มีเหตุผลและน้ำหนักเพียงพอ อีกทั้งในการไต่สวนคําร้องฝากขังครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2564 ศาลจังหวัดธัญบุรีเองก็ได้กล่าวกําชับกับพนักงานสอบสวนแล้วว่า ให้ดําเนินการโดยเร็ว ปรากฏว่าผ่านไปเดือนกว่าแล้วก็ยังคงไม่เสร็จสิ้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องครบถ้วนประเด็นนี้ หากศาลเห็นสมควรก็ขอให้เรียกพนักงานสอบสวนมาทําการไต่สวนเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจเพื่อสั่งปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาด้วย

    ท้ายคำร้องระบุ หากพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีนี้ ผู้ต้องหาขอศาลเรียกพนักงานสอบสวนและผู้ต้องหามาไต่สวนเหตุในการคัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราวว่ามีมูลเหตุจริงเท็จเพียงใด เพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของศาล

    ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังยินยอมให้ศาลกําหนดเงื่อนไขว่า “จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่จะทําความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เดินทางออกนอกราชอาณาจักร และมาศาลตามนัด”

    นอกจากนี้ ในคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวครั้งนี้ มารดาของพรหมศรได้ยื่นจดหมายแนบท้ายคำร้องมาด้วย โดยมีเนื้อหาว่า

    “ดิฉันขอรับรองด้วยชีวิตว่านายพรหมศรไม่เคยคิดที่จะหลบหนี เพราะดิฉันเคยเตือนและพูดคุยในการกระทำมาหลายครั้งแล้ว และอีกอย่าง พรหมศรก็รักดิฉันมาก เพราะเขารู้ดีว่าตนไม่สามารถสูญเสียลูกได้อีกคน เพราะเคยสูญเสียมาแล้ว ดิฉันยังทำใจไม่ได้ ดิฉันมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะเยียวยาได้ จึงขอความเห็นใจมาในครั้งนี้ด้วย”

    อย่างไรก็ตาม เวลา 14.30 น. ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกัน โดยระบุเหตุผลว่า “พิเคราะห์คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว คำร้องประกอบคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวลงวันที่วันนี้ พฤติการณ์แห่งคดีและคำร้องคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้วเห็นว่า เหตุผลตามคำร้องยังไม่มีเหตุผลเพียงพอให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง”

    ปัจจุบัน พรหมศรถูกคุมขังระหว่างชั้นสอบสวนที่เรือนจำอำเภอธัญบุรีมาตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 2564 นับเป็นเวลา 50 วัน อีกทั้ง พรหมศรได้เริ่มอดอาหารอีกครั้งเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 2564 รวมเป็นเวลา 9 วันแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาได้อดอาหารครั้งแรกรวม 19 วัน ในเรือนจำช่วงเดือนมีนาคม

    (อ้างอิง: คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 5 พ.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/29275)
  • ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ทนายความเข้ายื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 โต้แย้งคำสั่งไม่ให้ประกันตัวของศาลชั้นต้น โดยแจกแจงเหตุผลคล้ายคลึงกับคำร้องขอปล่อยชั่วคราวครั้งที่ 5 สรุปได้ ดังนี้

    ผู้ต้องหามาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีแต่อย่างใด ทั้งผู้ต้องหายังเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สภ.ธัญบุรีด้วยตนเอง แม้ก่อนหน้านี้ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มจนมีบาดแผลฉกรรจ์ และถ้าหากได้รับการปล่อยตัว จะไม่หลบหนี หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ตามที่มารดาของผู้ต้องหาได้แนบจดหมายยืนยันมาในท้ายคำร้อง

    นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังถือว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่ได้ถูกพิพากษาว่ามีความผิดแต่อย่างใด ตามหลักกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil Political Rights – ICCPR) ผู้ต้องหาควรได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และขอให้ศาลคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหา และมีคําสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

    ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังยินยอมให้ศาลกําหนดเงื่อนไขว่า “จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่จะทําความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เดินทางออกนอกราชอาณาจักร และมาศาลตามนัด”

    (อ้างอิง: คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 7 พ.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/29430)
  • ศาลจังหวัดธัญบุรีนัดอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงวันที่ 7 พ.ค. 2564 โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้ประกันตัวพรหมศร ด้วยวงเงิน 200,000 บาท พร้อมเงื่อนไขติดกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM)

    คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ระบุว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีอยู่ในระหว่างการสอบสวน ผู้ต้องหาเข้าพบพนักงานสอบสวนโดยไม่ถูกออกหมายจับ และให้การปฏิเสธ ผู้ต้องหาให้คำรับรองว่าจะไม่หลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมทั้งไม่ทำการอันมีพฤติการณ์ส่อไปในทางที่จะก่อความเสียหายดังเช่นที่ต้องหา ประกอบกับมีคำรับรองของมารดาของผู้ต้องหา ผู้ต้องหายินยอมให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EM) จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวนได้ ตีราคาประกัน 200,000 บาท กับให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) โดยถือให้คำรับรองของผู้ต้องหาเป็นเงื่อนไขต้องปฏิบัติในการปล่อยตัวชั่วคราว ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป

    ศาลและเจ้าหน้าที่แจ้งว่า พรหมศรจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษธัญบุรีในวันที่ 11 พ.ค. 2564 เนื่องจากต้องเบิกตัวพรหมศร เพื่อทำสัญญาประกัน และติดกำไล EM ในวันทำการ

    อย่างไรก็ตาม พรหมศรได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 10 พ.ค. 2564 หลังมีกระแสข่าวว่า แม่พรหมศรเส้นเลือดในสมองแตก ต้องเข้าห้อง ICU รวมเวลาถูกฝากขังระหว่างสอบสวน 55 วัน

    ก่อนหน้านี้ในการยื่นประกันตัว แม้ทนายความจะยื่นคำร้องและแนบเอกสารรูปภาพบาดแผลของพรหรมศร ที่ประสบอุบัติเหตุจักรยานยนต์ล้ม 2 วัน ก่อนเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.คลองหลวง รวมทั้งยินยอมให้ศาลกําหนดเงื่อนไขว่าจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่จะทําความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ หรือแนบจดหมายของมารดารับรองว่าผู้ต้องหาจะไม่หลบหนีก็ตาม แต่ศาลจังหวัดธัญบุรีและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังคงไม่ให้ประกัน อ้างว่า “คดีมีอัตราโทษสูง ตามพฤติการณ์คดีและลักษณะการกระทำเกรงว่าจะหลบหนีและไปกระทำความผิดซ้ำในลักษณะเดียวกันอีก” หรือ “ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง”

    (อ้างอิง: คำสั่งที่ 353/2564 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงวันที่ 7 พ.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/29430)
  • ทนายความยื่นหนังสือถึงพนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี ขอเลื่อนส่งตัวแอมมี่ให้อัยการไปเป็นวันที่ 24 พ.ค. 2564 เนื่องจากยังอยู่ระหว่างกักตัวเป็นเวลา 14 วัน หลังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564
  • ทนายความยื่นหนังสือถึงพนักงานสอบสวน ขอเลื่อนส่งตัวแอมมี่ให้อัยการไปเป็นวันที่ 28 พ.ค. 2564 เวลา 13.00 น.
  • แอมมี่พร้อมทนายความเดินทางไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดธัญบุรี ในนัดส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนการสอบสวนให้อัยการ หลังจากอัยการรับสำนวนแล้ว นัดแอมมี่มาฟังคำสั่งอัยการในวันที่ 8 มิ.ย. เวลา 10.30 น.
  • เวลา 14.00 น. พรหมศร เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามนัดหมาย พ.ต.ท.บุญยิ่ง บัณฑิตไทย รองผู้กำกับการ (สอบสวน) และ พ.ต.ท.ภุมเรศ อินทร์คง สารวัตร (สอบสวน) สภ.ธัญบุรี คณะพนักงานสอบสวนได้บรรยายพฤติการณ์คดีเพิ่มเติมว่า

    การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในวันนี้ สืบเนื่องจากการที่พนักงานอัยการธัญบุรีได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ อส0059 (ธัญบุรี)/3450 เพื่อให้แจ้งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ในการกระทําความผิดของพรหมศรและไชยอมร เพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาทั้งสองได้นํามวลชนพร้อมเครื่องขยายเสียงมาร่วมกันชุมนุมที่หน้าศาลจังหวัดธัญบุรีและได้สลับกันขึ้นพูดปราศรัย โดยไชยอมรได้พูดว่า “อ้าวขอซาวด์เช็คกันหน่อยครับ” และร้องนําจังหวะว่า “วัน ทู ทรี โฟร์” มวลชนและพรหมศรร้องรับว่า “ไอ้เหี้ย[…]” แล้วไชยอมรร้องนําจังหวะอีกว่า “ซิก เซเว่น เอก ไนท์” มวลชนและพรหมศรร้องรับว่า “ไอเหี้ย[…]”

    จากพฤติการณ์ดังกล่าว พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาว่าได้ “ร่วมกัน” หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

    หลังรับทราบพฤติการณ์ พรหมศรได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจะขอให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือต่อไป ส่วนไชยอมรนั้นติดภารกิจจึงไม่ได้เดินทางมารับทราบข้อหาเพิ่มเติมในวันนี้

    ต่อมา ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน พนักงานอัยการได้ระบุว่า จะยื่นฟ้องคดีต่อศาลในวันพรุ่งนี้ (8 มิถุนายน 2564) ซึ่งครบกำหนดฝากขังพรหมศรรวม 84 วัน

    (อ้างอิง: บันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม สภ.ธัญบุรี ลงวันที่ 7 มิ.ย. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/30588)
  • ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี พนักงานอัยการจังหวัดธัญบุรี ยื่นฟ้องคดีต่อศาล หลังช่วงเช้าพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมไชยอมรเช่นเดียวกับพรหมศร และอัยการมีคำสั่งฟ้องพรหมศรและไชยอมร

    อัยการเป็นโจทก์ฟ้องทั้งสองในฐานความผิด ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฝ่าฝืนข้อกำหนด/คำสั่ง ออกตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34 และร่วมกันใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ท้ายคำฟ้องพนักงานอัยการคัดค้านการให้ประกันตัว ระบุว่า เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจําเลยทั้งสองจะหลบหนี ทั้งยังขอให้ศาลนับโทษจําคุกของไชยอมรในคดีนี้ ต่อจากโทษจําคุกในอีก 2 คดี ได้แก่ คดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร และ คดีวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 หน้าเรือนจำคลองเปรม ซึ่งเป็นคดีของศาลอาญา

    ทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันจำเลยทั้งสองระหว่างพิจารณาคดี พร้อมกับยื่นคำร้องขอถอด EM ของพรหมศรออก ต่อมา ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวทั้งสอง และอนุญาตให้พรหมศรถอด EM โดยให้เพิ่มเงินประกันเป็นคนละ 300,000 บาท ซึ่งมาจากกองทุนราษฎรประสงค์ และให้ทั้งสองเขียนคำรับรองด้วยลายมือว่าจะไม่หลบหนีหรือไปยุ่งกับพยานหลักฐานอีกด้วย

    ศาลกำหนดนัดคุ้มครองสิทธิในวันที่ 6 ก.ค. 2564 และนัดพร้อมในวันที่ 19 ก.ค. 2564

    จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน คดีนี้นับเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่ 17 ที่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องคดี หลังการกลับมาใช้มาตรา 112 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563

    พรหมศรถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกทางการเมืองทั้งหมด 6 คดี โดยมีคดีมาตรา 112 ทั้งหมด 3 คดี ด้านไชยอมรถูกดำเนินคดีทั้งหมด 9 คดี และมีคดีมาตรา 112 ทั้งหมด 2 คดี

    (อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลจังหวัดธัญบุรี คดีหมายเลขดำที่ อ.1859/2564 ลงวันที่ 8 มิ.ย. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/30628)
  • เลื่อนสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานไปเป็นวันที่ 9 ส.ค. 2565 เวลา 09.00 น.
  • ศาลยกเลิกวันนัด ให้เลื่อนไปสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 19 ต.ค. 2565 เวลา 09.00 น.
  • นัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน แอมมี่และฟ้ายืนยันให้การปฏิเสธคำฟ้องของโจทก์ โจทก์แถลงขอนำพยานบุคคลเข้าสืบ 16 ปาก จำเลยมีพยานจะสืบ 2 ปาก ใช้เวลาสืบรวม 5 นัด กำหนดนัดสืบพยานในวันที่ 20-22, 27-28 เม.ย. 2564
  • พรหมศร, ไชยอมร และทนายจำเลยทั้งสองมาศาล แต่เนื่องจากพรหมศร จำเลยที่ 1 มีอาการไข้ ไอ และอาเจียน เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ศาลจึงให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ไปในวันที่ 27 เม.ย. 2565
  • สืบพยานปากผู้กล่าวหาเสร็จสิ้นเพียง 1 ปาก

ชั้นสอบสวน

ผู้ถูกดำเนินคดี :
พรหมศร วีระธรรมจารี

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต
ผู้ถูกดำเนินคดี :
ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-

ศาลชั้นต้น

ผู้ถูกดำเนินคดี :
พรหมศร วีระธรรมจารี

ผลการพิพากษา
-
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต
ผู้ถูกดำเนินคดี :
ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์

ผลการพิพากษา
-
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์