ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • ทำให้ทรัพย์สินสาธารณะเสียหาย (มาตรา 360)
ดำ อ.491/2564
แดง อ.1198/2565

ผู้กล่าวหา
  • ไม่ทราบชื่อ (ตำรวจ)
ผู้ถูกดำเนินคดี

ข้อหา

  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • ทำให้ทรัพย์สินสาธารณะเสียหาย (มาตรา 360)

หมายเลขคดี

ดำ อ.491/2564
แดง อ.1198/2565
ผู้กล่าวหา
  • 1

ความสำคัญของคดี

พนิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี พนักงานขายของในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ทำให้ทรัพย์สินสาธารณะเสียหาย" โดยถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้พ่นสีสเปรย์เป็นข้อความวิจารณ์กษัตริย์ที่ใต้ฐานรูปรัชกาลที่ 10 ที่ตั้งอยู่พัทยากลาง และแยกพัทยาใต้ ภายหลังการนำมาตรา 112 มาใช้ดำเนินคดีผู้แสดงออกทางการเมืองอีกครั้ง ตำรวจก็แจ้งข้อหาพนิดาฐาน “หมิ่นประมาทกษัตริย์” เพิ่มเติมอีกด้วย โดยพนิดาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาตั้งชั้นจับกุมจนถึงชั้นศาล และไม่ถูกคุมขังในระหว่างสอบสวน เนื่องจากตำรวจจับกุมโดยไม่มีหมายจับ ศาลจึงไม่อนุญาตให้ฝากขัง และให้ประกันตัวในชั้นพิจารณาของศาล

พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี

พ.ต.ต.จารุวัตร วัฒนะพูนสิน พนักงานอัยการจังหวัดพัทยาบรรยายฟ้องโดยสรุปว่า

ก่อนเกิดเหตุ เมืองพัทยา ผู้เสียหายซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดทําป้ายเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นป้ายพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 เพื่อใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ให้ประชาชนร่วมกันแสดงความจงรักภักดีเนื่องในพระราชพิธีราชาภิเษกและใช้ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา จํานวน 2 ป้าย ที่เกาะกลางถนนพัทยาใต้ และแยกพัทยากลาง

ต่อมา เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 63 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยได้กระทําความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ได้แก่

1. จําเลยได้ทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสียหาย ทําให้เสื่อมค่า ทําให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งป้ายเทิดพระเกียรติรัชกาลที่ 10 ที่ตั้งอยู่แยกพัทยากลาง อันเป็นทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ด้วยการพ่นสีสเปรย์ที่ใต้ฐานป้ายดังกล่าวเป็นถ้อยคำว่า “กษัตริย์[…]” ทำให้เมืองพัทยาได้รับความเสียหาย คิดเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท โดยข้อความดังกล่าวยังถือเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10

2. จําเลยได้ทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสียหาย ทําให้เสื่อมค่า ทําให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งป้ายเทิดพระเกียรติรัชกาลที่ 10 ที่ตั้งอยู่ที่แยกพัทยาใต้ อันเป็นทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ด้วยการพ่นสีสเปรย์ที่ใต้ฐานป้ายดังกล่าวเป็นถ้อยคำว่า “กษัตริย์[…]” ทำให้เมืองพัทยาได้รับความเสียหาย คิดเป็นเงินจำนวน 2,480 บาท ทั้งนี้ ข้อความดังกล่าวยังถือเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10

(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลจังหวัดพัทยา คดีหมายเลขดำที่ อ.491/2564 ลงวันที่ 7 ก.ค. 2564)

ความคืบหน้าของคดี

  • เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบบุกเข้าตรวจค้นห้องพักของพนิดา โดยไม่มีหมายค้น กลุ่มเจ้าหน้าที่แสดงตัวว่าเป็นตำรวจ และอ้างว่าเจ้าของหอพักเป็นผู้อนุญาตให้เข้ามา ก่อนเข้าไปตรวจค้นในห้องและตรวจยึดสิ่งของ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวพนิดาไปยัง สภ.เมืองพัทยา โดยไม่มีหมายจับ อ้างว่าพบสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

    ที่ สภ.เมืองพัทยา ทนายความได้ติดตามไปพบพนิดา ตำรวจได้จัดทำบันทึกการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ เสื้อแจ็คเก็ต หมวกกันน็อค และสติ๊กเกอร์ข้อความ “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” รวมทั้งจัดทำบันทึกจับกุมในช่วงกลางดึก โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนหาบุคคลที่ไปพ่นสีสเปรย์เขียนข้อความที่ไม่เหมาะสม บริเวณฐานป้ายพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 บริเวณพัทยาใต้และพัทยากลาง จนทำให้เกิดความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2563 และมีผู้ถ่ายภาพลงเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย

    เจ้าหน้าที่ได้ตรวจดูกล้องวงจรปิด ทำให้พบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยขับไปยังหอพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจค้นหอพัก เนื่องจากเกรงผู้ต้องสงสัยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือทำลายหลักฐาน จึงมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนในการเข้าตรวจค้น ไม่สามารถไปขอออกหมายค้นหรือหมายจับได้ทัน ก่อนพบว่าพนิดาอยู่ในห้อง และพบสิ่งของที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ โดยเธอไม่ยินยอมให้ทำการตรวจค้นเครื่องมือสื่อสาร และมีการลอกสติ๊กเกอร์ “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” ออกจากโทรศัพท์มือถือ จึงเชื่อว่าเธอเป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้ จึงได้จับกุมผู้ต้องสงสัย พร้อมกับแจ้งสิทธิ และให้ผู้ต้องสงสัยติดต่อทนายความ ชั้นจับกุมพนิดาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

    (อ้างอิง: บันทึกการจับกุม สภ.เมืองพัทยา ลงวันที่ 20 ต.ค. 2563 และ https://tlhr2014.com/archives/22291)
  • หลังควบคุมตัวในห้องขังของ สภ.เมืองพัทยา 1 คืน ในช่วงสายพนักงานสอบสวนได้นำตัวพนิดามาแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 "ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์" ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พนิดาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

    หลังจากแจ้งข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ณัฐวรรธน์ เพลินจิตร สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้ยื่นคำร้องขออำนาจศาลจังหวัดพัทยาฝากขังผู้ต้องหา เป็นเวลา 12 วัน โดยระบุเหตุว่า การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปาก รอผลการตรวจประวัติอาชญากรรม พนักงานสอบสวนยังคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยังขอให้ศาลทำการสอบถามผู้ต้องหาผ่านวีดิโอคอนเฟอเรนซ์จากศาลมายัง สภ.เมืองพัทยา โดยไม่ได้นำตัวพนิดาไปศาล เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด

    ด้านทนายความผู้ต้องหาได้คัดค้านการฝากขังผู้ต้องหา พร้อมทั้งยื่นประกันตัว

    ต่อมาเวลาประมาณ 18.15 น. ศาลจังหวัดพัทยามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหา เนื่องจากเห็นว่าการจับกุมผู้ต้องหาเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าพนักงานเข้าจับกุมโดยไม่มีหมายจับของศาล พนิดาจึงได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ต้องวางหลักประกันใดๆ

    ในกรณีที่เมืองพัทยานี้ ก่อนหน้านี้มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาอีกอย่างน้อย 1 ราย ได้แก่ “สนธยา” ซึ่งถูกกล่าวหาในคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากเหตุการทวิตภาพรูปพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ที่ถูกพ่นสีข้อความไว้ใต้ภาพ

    (อ้างอิง: คำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 ศาลจังหวัดพัทยา ลงวันที่ 21 พ.ย. 2563 และ https://tlhr2014.com/archives/22291)
  • พนิดาไปพบพนักงานสอบสวนตามนัด หลังพนักงานสอบสวนนัดหมายส่งตัวอัยการในวันที่ 2 ก.พ. 2564 แต่ทนายความได้ส่งจดหมายขอเลื่อนเป็นวันนี้ เนื่องจากพนิดาติดภาระงาน ไม่สามารถลางานมาในวันดังกล่าวได้ หลังจากพนิดาไปพบ พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนการสอบสวน พร้อมตัวผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการจังหวัดพัทยา อัยการรับตัวแล้วนัดพนิดาให้มาฟังคำสั่งในวันที่ 8 เม.ย. 2564
  • พนิดาไปพบพนักงานอัยการตามนัด อัยการยังไม่มีคำสั่ง นัดมาฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 10 พ.ค. 2564
  • พนิดาไปพบพนักงานอัยการตามนัด อัยการยังไม่มีคำสั่ง นัดมาฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 10 มิ.ย. 2564
  • พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา นัดหมายพนิดามารับทราบข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพิ่มเติม หลังอัยการส่งสำนวนกลับให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติม

    พ.ต.ท.ณัฐวรรธน์ เพลินจิตร เริ่มแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมโดยบรรยายพฤติการณ์คดีโดยสรุปว่า ในวันที่ 16 ต.ค. 2563 เวลาประมาณ 22.00 – 22.30 น. มีผู้ใช้สีสเปรย์พ่นข้อความ “กษัตริย์…” ใต้ฐานป้ายพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ซึ่งเมืองพัทยาได้จัดสร้างไว้เพื่อให้ประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดี และเฉลิมพระเกียรติเนื่องในพระราชพิธีราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และใช้ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวงรัชกาลที่ 10 รวม 2 จุด คือ ป้ายที่เกาะกลางถนนพัทยาใต้ และแยกพัทยากลาง

    โดยมีค่าเสียหายที่จุดพัทยาใต้ราคาประมาณ 2,480 บาท และจุดพัทยากลาง ราคาประมาณ 10,000 บาท จากการสืบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิด น่าเชื่อว่าพนิดาจะเป็นผู้กระทำความผิด จึงได้เข้าตรวจค้นห้อง จับกุมและนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน

    พนักงานสอบสวนจึงแจ้ง 2 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหา "หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหา “ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ด้านพนิดาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

    นอกจากคดีนี้ ยังมีอีก 2 คดีที่สืบเนื่องจากการพ่นสีใต้ฐานรูปกษัตริย์รัชกาลที่ 10 ที่เมืองพัทยา ได้แก่ คดีของสนธยา และคดีของเอ (นามสมมุติ) ทั้งสองถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการเผยแพร่พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ที่ถูกพ่นสีข้อความไว้ใต้ภาพ โดยศาลจังหวัดพัทยากำหนดนัดสืบพยานคดีของสนธยาในวันที่ 15 ต.ค. 2564

    (อ้างอิง: บันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม สภ.เมืองพัทยา ลงวันที่ 14 พ.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/29659)
  • พนิดาไปพบพนักงานอัยการตามนัด อัยการยังไม่มีคำสั่ง นัดฟังคำสั่งอีกครั้งวันที่ 7 ก.ค. 2564
  • พนิดาเดินทางมาฟังคำสั่งอัยการตามนัดหมาย อัยการมีคำสั่งฟ้องคดี ก่อนนำตัวพนิดาไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดพัทยา ในฐานความผิด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ, ทำให้เสียหาย ทำลาย หรือเสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 360 ตามลำดับ

    ทั้งนี้ ท้ายคำฟ้อง พนักงานอัยการไม่ได้คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยในระหว่างพิจารณาคดี ระบุว่า ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล

    หลังศาลรับฟ้อง ทนายความได้ยื่นประกันตัวโดยวางเงินสดจากกองทุนราษฎรประสงค์จำนวน 200,000 บาท เป็นหลักประกัน

    เวลาประมาณ 16.00 น. ศาลจังหวัดพัทยามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี โดยให้วางหลักประกันเป็นเงินสดจำนวน 150,000 บาท ทำให้พนิดาได้รับการประกันตัวให้ออกมาสู้คดีต่อไป โดยศาลกำหนดนัดคุ้มครองสิทธิในวันที่ 9 ก.ย. 2564 เวลา 09.00 น. และนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 20 ก.ย. 2564 เวลา 09.00 น.

    (อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลจังหวัดพัทยา คดีหมายเลขดำที่ 491/2564 ลงวันที่ 7 ก.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/31885)
  • ศาลกำหนดวันนัดสืบพยานในวันที่ 27-29 ก.ย. 2565
  • พนิดาและทนายจำเลยเดินทางไปศาล ก่อนเริ่มสืบพยาน พนิดาแถลงขอถอนคำให้การเดิม และขอให้การใหม่เป็นรับสารภาพ ศาลมีคำสั่งให้สืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 8 พ.ย. 2565 เวลา 10.00 น.

    วันเดียวกันนี้ พนิดาได้ชำระเงินค่าเสียหายจากการพ่นสีใส่ป้ายให้กับเทศบาลเมืองพัทยา เป็นเงินรวม 12,480 บาท โดยขอความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์
  • เลื่อนอ่านคำพิพากษาเป็นวันที่ 17 ธ.ค. 2565
  • เวลา 10.00 น. ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 11 พนิดาเดินทางมาพร้อมกับพี่สาว ก่อนศาลจะออกพิจารณาคดี ตำรวจศาลได้เดินมาขอใส่กุญแจมือกับพนิดา แม้ทนายความจะทัดทานแล้วว่าจะใส่กุญแจมือจำเลยได้ก็ต่อเมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จแล้วเท่านั้น แต่ตำรวจศาลยังคงยืนยันว่าจำเป็นจะต้องใส่กุญแจมือตามคำสั่งของศาลที่กำชับไว้อย่างเคร่งครัดเท่านั้น

    “โทษน่าจะหนักแน่ๆ เลย” พนิดาหันหลังมากระซิบเบาๆ ทว่าเมื่อเธอถูกใส่กุญแจมือแล้ว ศาลไม่ได้อ่านคำพิพากษาในคดีนี้โดยทันที แต่ได้พิจารณาคดีอื่นที่มีนัดหมายพร้อมกันก่อนโดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงเศษ

    จากนั้นในเวลาประมาณ 11.10 น. ศาลได้อ่านคำพิพากษา โดยสรุปให้ถือว่าการพ่นสีใต้ฐานรูป รัชกาลที่ 10 จำนวน 2 แห่งนั้น เป็นความผิด 2 กระทง เห็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 360 เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงทุกกรรมเป็นกระทงไป ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ให้จำคุกกระทงละ 3 ปี 2 กระทง แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก 2 ปี 12 เดือน

    แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และจากการพินิจและสืบเสาะของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติได้ความว่า จำเลยติดตามข่าวสารเพียงด้านเดียวตลอดมา จึงเกิดความเข้าใจผิดว่าพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 เป็นผู้ให้การสนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบัน จำเลยซึ่งไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลอยู่แล้ว จึงได้ลงมือกระทำความผิดในคดีนี้

    อีกทั้ง จำเลยได้ไปขอขมาต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ที่ได้ก่อเหตุเป็นคดีนี้แล้ว เชื่อว่าจำเลยสำนึกผิดจริงและจะไม่กระทำความผิดซ้ำอีก จำเลยยังได้ชดใช้เงินค่าเสียหายแก่เมืองพัทยาแล้วด้วยเป็นเงิน 12,480 บาท

    ศาลจึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้เป็นเวลา 2 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี พร้อมทั้งให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง และสั่งให้ริบของกลางในคดีนี้เป็นสีสเปรย์สีดำไว้ด้วย

    คำพิพากษาลงนามโดย รภัสชล ยุติวิชญ์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพัทยา

    หลังศาลอ่านคำสั่งแล้วเสร็จ ตำรวจศาลได้ไขกุญแจที่พนิดาออกทันที ด้านพนิดาเปิดเผยว่าเธอรู้สึกโล่งใจ และมีความหวังกับการใช้ชีวิตต่อจากนี้มากขึ้น โดยตั้งใจจะทำงานและทำตามความฝันเหมือนคนธรรมดาทั่วไป คือ การสร้างบ้าน สร้างครอบครัว และซื้อรถยนต์ส่วนตัว

    (อ้างอิง: https://tlhr2014.com/archives/51480)

ชั้นสอบสวน

ผู้ถูกดำเนินคดี :
พนิดา (สงวนนามสกุล)

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-

ศาลชั้นต้น

ผู้ถูกดำเนินคดี :
พนิดา (สงวนนามสกุล)

ผลการพิพากษา
ลงโทษ
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต
พิพากษาวันที่ : 14-12-2022

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์