ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • แจ้งโดยประชาชนทั่วไป
  • พ.ร.บ.ธงฯ
ดำ อ.80/2565

ผู้กล่าวหา
  • ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย (ประชาชน)
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • แจ้งโดยประชาชนทั่วไป
  • พ.ร.บ.ธงฯ
ดำ อ.80/2565

ผู้กล่าวหา
  • ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย (ประชาชน)
ผู้ถูกดำเนินคดี

ข้อหา

  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • แจ้งโดยประชาชนทั่วไป
  • พ.ร.บ.ธงฯ

หมายเลขคดี

ดำ อ.80/2565
ผู้กล่าวหา
  • ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

ข้อหา

  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • แจ้งโดยประชาชนทั่วไป
  • พ.ร.บ.ธงฯ

หมายเลขคดี

ดำ อ.80/2565
ผู้กล่าวหา
  • ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

ความสำคัญของคดี

วิธญา คลังนิล และยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ 2 นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสมาชิกกลุ่มศิลปิน "artn’t" ถูกดำเนินคดี "หมิ่นประมาทกษัตริย์" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ธงฯ มาตรา 51 จากกรณีการแสดงงานศิลปะระหว่างการชุมนุม "ยุทธการไล่ประยุทธ์" เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2564 บริเวณสนามรักบี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยถูกกล่าวหาว่า แสดงแผ่นพลาสติกคล้ายธงชาติไทย แต่ไม่มีแถบสีน้ำเงิน ซึ่งสื่อว่าทั้งสองไม่ประสงค์ให้มีสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย และข้อความที่มีผู้ชุมนุมเขียนบนงานศิลปะดังกล่าวเข้าข่ายหมิ่นประมาทกษัตริย์

คดีนี้มีศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ เป็นอีกกรณีที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษแม้ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ทำให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งบุคคลอื่นที่มีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน

พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี

เจริญ จองแก พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ บรรยายฟ้องโดยสรุปว่า

ขณะเกิดเหตุประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 2 บัญญัติว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และมาตรา 3 บัญญัติว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อํานาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” และมาตรา 6 บัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้”

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2564 จําเลยทั้งสองได้ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ด้วยการนําแผ่นพลาสติกใส ขนาด 1.40 X 3.75 เมตร จํานวน 1 ผืน ด้านกว้างแบ่งเป็น 5 แถบ ตลอดความยาวของแผ่นพลาสติกใสดังกล่าว 1 แถบตรงกลาง ไม่มีการระบายสีต่อจากแถบตรงกลางออกไปทั้งสองข้างระบายด้วยสีขาว ต่อจากแถบสีขาวออกไปทั้งสองข้างระบายเป็นแถบสีแดง มีรูปลักษณ์และสัดส่วนคล้ายธงชาติไทย แต่ไม่มีแถบสีน้ำเงินดังกล่าว ซึ่งสีน้ำเงินในแถบตรงกลางของธงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการสื่อให้เห็นว่าผู้จัดทําหรือใช้วัตถุคล้ายธงดังกล่าวไม่ประสงค์ที่จะให้มีสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย คงให้มีแต่สีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนา และสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาติเท่านั้น

ในวัตถุคล้ายธงชาติไทยดังกล่าว มีข้อความว่า “FUCK 112 IF YOU USE 112 FUCK YOU TOO, พอแล้วไอ้ษัตร์, สุนัขทรงเลี้ยงออกไป, พอทีภาษีกูเลี้ยงหอย” ซึ่งข้อความดังกล่าวมีความหมายตรงตัวอักษร เป็นคําด่าและเปรียบเทียบ กล่าวคือ คําว่า “ษัตร์” จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2542 ไม่ปรากฏคําดังกล่าว จึงไม่สามารถแปลความหมายได้ ซึ่งหากจะเขียนคําพ้องเสียง อาจเขียนได้หลายแบบ แต่ผู้เขียนได้จงใจเขียนคําว่า “ษัตร์” ที่เป็นคําย่อให้สั้นของคําว่า “กษัตริย์” และได้ใช้คําว่า “ไอ้” นําหน้า ซึ่งเป็นคําไม่สุภาพเป็นคําด่า มานําหน้าคําว่า “ษัตร์” สื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ว่าคือ ไอ้กษัตริย์

ส่วนข้อความว่า “Fuck 112” เมื่อดูคําแปลจากพจนานุกรม คําว่า Fuck หมายความว่า การมีเพศสัมพันธ์ และเลข 112 หมายความถึง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ฯ ส่วนคําว่า “สุนัขทรงเลี้ยงออกไป” ก็เป็นถ้อยคําราชาศัพท์ที่ใช้กับพระมหากษัตริย์

จากหลายถ้อยคําที่ปรากฏ ฟังได้ว่า คําว่า ไอ้ษัตร์ ดังกล่าว ย่อมตีหมายความไปถึงคําว่าไอ้กษัตริย์ ส่วนคําว่า “สุนัขทรงเลี้ยง” เมื่อประชาชนทั่วไปได้เห็น พบเห็นข้อความดังกล่าวทําให้เข้าใจได้ว่าพระมหากษัตริย์เป็นผู้สนับสนุนผู้นํารัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น ทําให้พระมหากษัตริย์ได้รับการเสื่อมเสีย และจําเลยทั้งสองได้ถือวัตถุคล้ายธงดังกล่าวคนละด้าน แล้วร่วมกันชูแสดงแก่ประชาชน และทําให้ประชาชนที่พบเห็นเข้าใจทันทีว่าข้อความที่แสดงบนแผ่นวัตถุคล้ายธงชาติไทย และรูปลักษณะของวัตถุคล้ายธงชาติไทยดังกล่าวสื่อถึงพระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบัน

โดยประการที่น่าจะทําให้พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง อันเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ เป็นการทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของศรัทธาและเคารพบูชาของประชาชนชาวไทย ทําให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ เป็นการทําด้วยวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต ซึ่งเป็นการกระทําความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงแห่งราชอาณาจักร และเป็นการร่วมกันใช้ ชัก หรือแสดงธงที่คล้ายคลึงกับธง โดยไม่มีสิทธิ ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ.2522

(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลจังหวัดเชียงใหม่ คดีหมายเลขดำที่ อ.80/2565 ลงวันที่ 18 ม.ค. 2565)

ความคืบหน้าของคดี

  • เวลา 09.00 น. ที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ วิธญา คลังนิล นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ และยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ นักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ธงฯ จากกรณีการแสดงงานศิลปะ

    ก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ว่าได้ส่งหมายเรียกผู้ต้องหาไปยังภูมิลำเนาของทั้งสองคน กำหนดให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 3 พ.ค. 2564 โดยนักศึกษาทั้ง 2 ราย ต่างยังไม่ได้รับหมายเรียกตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งไว้แต่อย่างใด จึงขอเลื่อนการนัดหมายออกมา

    เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตั้งรั้วเหล็กกั้นทางเข้าอาคารสถานีตำรวจ และมีการวางกำลังตำรวจในเครื่องแบบราว 15 นาย และนอกเครื่องแบบอีกไม่ต่ำกว่า 20 นาย อยู่โดยรอบ ขณะที่มีนักศึกษา อาจารย์ และประชาชนราว 40 คน เดินทางมาให้กำลังใจ

    เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้ทราบ โดยอ้างถึงคำสั่งของจังหวัดเชียงใหม่ เรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงห้ามการรวมตัวทำกิจกรรมเกินกว่า 10 คน ด้วย

    ก่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา วิธญาได้แสดง Performance Art โดยบางขณะได้มีการกรีดหน้าอกตัวเองเป็นเลข “112” ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้ามาห้าม และดึงตัวไม่ให้แสดงต่อ ส่วนยศสุนทรได้ใส่เสื้อที่ใช้สีเขียนเป็นข้อความ “ในนามของศิลปะ” มารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนที่ต่อมานักศึกษาทั้งสองคน พร้อมทนายความจะเข้าไปยังสถานีตำรวจ

    พ.ต.ท.เอนก ไชยวงค์ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาต่อทั้งสองคน ใน 2 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ “ใช้ ชัก หรือแสดงธงที่คล้ายคลึงกับธง ตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ. 2522"

    พฤติการณ์ข้อกล่าวหาระบุว่า เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2564 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้ออกสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหว กรณีมีการชุมนุมแสดงออกทางการเมืองของมวลชนในพื้นที่ บริเวณสนามรักบี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีมวลชนเข้าร่วมประมาณ 70 คน โดยมีวิธญา คลังนิล และยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ ทำการกางแผ่นพลาสติกใส ระบายสีประกอบด้วยแถบสีขาวและสีแดง ลักษณะคล้ายธงชาติไทย แต่ไม่มีสีน้ำเงิน ลงบนพื้นสนามในพื้นที่จัดกิจกรรม เบื้องต้นยังไม่มีข้อความใดบนแผ่นพลาสติกดังกล่าว

    ต่อมาพิธีกรได้กล่าวเชิญชวนมวลชนผู้ร่วมกิจกรรม เข้ามาเขียนความคิดเห็นลงในแผ่นพลาสติกดังกล่าว จากนั้นทั้งสองคนได้นำแผ่นพลาสติกขึ้นมาถือแสดง ปรากฏภาพตามสื่อต่างๆ ก่อนเก็บแผ่นพลาสติกดังกล่าว และดำเนินกิจกรรมอื่นต่อ

    ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด และตรวจสอบภาพวัตถุคล้ายธงชาติไทยจากสื่อต่างๆ ประกอบกับภาพจากการลงพื้นที่ในวันเกิดเหตุ ผู้เข้าร่วมชุมนุมได้เขียนถ้อยคำหรือข้อความในลักษณะดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือลบหลู่ ถอดข้อความแล้วปรากฏว่ามีข้อความที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และตาม พ.ร.บ.ธงฯ ในธงดังกล่าวด้วย อาทิเช่น “FUCK 112 IF YOU USE 112 FUCK YOU TOO” “สุนัขทรงเลี้ยงออกไป” “พอทีภาษีกูเลี้ยงหอย”

    ข้อความที่ปรากฏสื่อถึงองค์พระมหากษัตริย์ ล้วนแต่เป็นถ้อยคำดูหมิ่นแทบทั้งสิ้น ประกอบกับวัตถุคล้ายธงชาติไทย แต่ไม่มีแถบสีน้ำเงินดังกล่าว ซึ่งสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการสื่อให้เห็นว่าผู้จัดทำวัตถุคล้ายธงดังกล่าว ไม่ประสงค์ที่จะให้มีสถาบันกษัตริย์ในประเทศ คงให้มีแต่สีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนา และสีแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาติเท่านั้น

    จากคำให้การของนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้กล่าวหาที่ 2 ให้การว่า ประมาณวันที่ 24 มี.ค. 2564 ขณะอยู่ที่สำนักงานสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เปิดโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน เข้าไปในแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก พบว่ามีการเสนอข่าวผ่านทางสื่อมวลชนอย่างแพร่หลายมีข้อความว่า “เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 64 เมื่อกลุ่มคณบดีและรองคณบดี คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากหอศิลป์ ได้เข้ามายึดผลงานศิลปะของนักศึกษา และบอกว่ามีการใช้พื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นก็เอาผลงานของนักศึกษาใส่ถุงดำ และเอาขึ้นรถกระบะ นักศึกษาจึงพากันประท้วง และพยายามเอาของคืน” ซึ่งปรากฏพบวัตถุคล้ายธงผืนดังกล่าวนี้ในข่าว และในส่วนการจัดแสดงนิทรรศการดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นวัตถุคล้ายธงเดียวกันกับในเหตุชุมนุมเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2564

    หลังรับทราบข้อกล่าวหาและพฤติการณ์ดังกล่าว นักศึกษาทั้งสองคนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเป็นหนังสือเพิ่มเติมต่อไป

    ทนายความได้ชี้แจงว่านักศึกษาทั้งสองไม่มีพฤติการณ์หลบหนีและไม่สามารถไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาปล่อยตัวนักศึกษาทั้งสองในชั้นสอบสวนเลย

    จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้ทั้งสองคนพิมพ์ลายนิ้วมือ และลงบันทึกประจำวันไว้ โดยไม่มีการนำตัวไปขอฝากขังที่ศาล ตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งกับทนายความและผู้ต้องหาไว้ในตอนแรก และได้นัดให้มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 31 พ.ค. 2564

    ทั้งนี้กรณีงานศิลปะลักษณะคล้ายธงชิ้นนี้ ปรากฏเป็นข่าวข้อพิพาท เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2564 หลังผู้บริหารของคณะวิจิตรศิลป์เข้ามาเก็บงานแสดงศิลปะของนักศึกษาใส่ถุงดำ ขณะเดียวกันในคืนก่อนหน้านั้น ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบงานศิลปะถึงในพื้นที่หอศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วย ก่อนที่เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2564 ศรีสุวรรณ จรรยา จะได้เดินทางไปที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสดงงานศิลปะดังกล่าว

    (อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ ลงวันที่ 11 พ.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/29512)
  • หลังวิธญาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดี 112 จากการแสดง Performance art หรือ ศิลปะการแสดงสด ที่หน้าป้ายมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2564 แล้ว พ.ต.ท.เอนก ไชยวงค์ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ แจ้งว่าคดี 112 จากการแสดงงานศิลปะคล้ายธงชาติของวิธญาและยศสุนทร ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จึงขอส่งตัวทั้งสองพร้อมสำนวนคดีไปให้พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้

    จากนั้นตำรวจได้นำตัวทั้งสองขึ้นรถตู้ของตำรวจไปส่งที่สำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ หลังเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอัยการได้รับสำนวนคดีไว้แล้ว ได้นัดหมายเพื่อคำสั่งทางคดีต่อไปในวันที่ 19 ต.ค. 2564 เวลา 10.00 น.

    (อ้างอิง: https://tlhr2014.com/archives/36072)
  • อัยการยังไม่มีคำสั่ง เลื่อนไปฟังคำสั่งในวันที่ 22 พ.ย. 2564
  • อัยการยังไม่มีคำสั่ง เลื่อนไปฟังคำสั่งในวันที่ 20 ธ.ค. 2564
  • อัยการยังไม่มีคำสั่ง เลื่อนไปฟังคำสั่งในวันที่ 18 ม.ค. 2565
  • ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องศิวัญชลี วิธญเสรีวัฒน์ หรือ วิธญา คลังนิล (ชื่อเดิม) และยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ ในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ธงฯ มาตรา 51 โดยไม่ได้คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสองระหว่างการพิจารณาคดีระบุว่า ให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล และขอให้ศาลริบของกลาง ซึ่งเป็นแผ่นพลาสติกคล้ายธงชาติดังกล่าว

    เวลาประมาณ 10.00 น. ศิวัญชลีและยศสุนทร พร้อมด้วยอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เตรียมมาเป็นนายประกันให้นักศึกษาทั้งสองราย และอาจารย์ที่เดินทางมาสังเกตการณ์ในคดี ได้เดินทางเข้ารายงานตัวตามนัดหมายของพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะถูกส่งตัวพร้อมสำนวนคดีไปฟ้องที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ในเวลาประมาณ 11.00 น.

    จำเลยทั้งสองได้ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ในห้องขังใต้ศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรอกระบวนการประกันตัว ระหว่างนั้นเองอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่สองคนได้ยื่นขอประกันตัวนักศึกษาทั้งสอง โดยใช้ตำแหน่งอาจารย์

    จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนักศึกษาทั้งสองคน โดยใช้ตำแหน่งอาจารย์เป็นประกันตลอดการพิจารณาคดี ก่อนจะปล่อยตัวทั้งสองออกจากห้องควบคุมตัว หลังถูกควบคุมตัวไว้เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง

    ศาลกำหนดวันนัดพร้อมสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 30 พ.ค. 2565 เวลา 09.00 น.

    (อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลจังหวัดเชียงใหม่ คดีหมายเลขดำที่ อ.80/2565 ลงวันที่ 18 ม.ค. 2565 และ https://tlhr2014.com/archives/39706)
  • ศาลอ่านคำพิพากษาโดยสรุป เห็นว่าพยานโจทก์เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งสามปาก ได้เบิกความถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2564 ที่สนามรักบี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบเห็นชาย 2 คน ถือวัสดุคล้ายธงชาติไปวางไว้ และมีประชาชนมาร่วมกันเขียนข้อความหลายคน โดยพยานจำได้ว่าคือจำเลยทั้งสองในคดีนี้ เจือสมกับการนำสืบของจำเลย ที่เบิกความว่าทั้งสองคนต้องการวางงานศิลปะที่มีการปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่สาธารณะ โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในงาน จึงนำวัสดุดังกล่าวไปวาง

    ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้นำวัสดุดังกล่าวไปวางไว้จริง โดยเมื่อพิจารณาแถบของวัสดุดังกล่าว มีลักษณะใกล้เคียงกับลักษณะของธงชาติ ตามมาตรา 5 อนุ 1 ของ พ.ร.บ.ธง พ.ศ. 2522 แตกต่างเพียงสัดส่วนที่ไม่ตรงกัน แม้จำเลยทั้งสองจะต่อสู้ว่าไม่ได้มีเจตนาทำผลงานคล้ายคลึงกับธงชาติ

    ได้ความจากพยานโจทก์ทั้งสามปาก ว่าจำเลยทั้งสองได้ชูวัสดุดังกล่าวขึ้นเป็นเวลาประมาณ 10 นาที โดยพยานทั้งสามปากอยู่คนละจุดกัน แต่เบิกความในลักษณะเดียวกัน โดยมีพยาน 1 ปาก ที่ระบุว่าการชูวัสดุดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่พิธีกรเชิญชวนให้มีการเคารพธงชาติ

    แตกต่างจากที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าชูและพับเก็บโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที แต่จากภาพถ่ายพยานหลักฐานในคดี บางภาพเห็นจำเลยทั้งสองหยุดนิ่งกับที่ แต่บางภาพมีการเคลื่อนที่ไปไม่น้อย ไกลเกินกว่าจะเป็นการพับเก็บตามที่จำเลยอ้าง และยังมีภาพที่บุคคลผู้เข้าร่วมกำลังยืนอยู่ด้วย จึงเชื่อว่าจำเลยชูวัสดุขณะเปิดเพลงชาติ ไม่ใช่การชูขึ้นเพื่อพับเก็บแต่อย่างใด

    นอกจากนั้น ยังพบข้อความที่เขียนบนวัสดุดังกล่าวว่า “Revolution Flag” ย่อมทำให้เข้าใจว่ามีผู้ที่มาเขียนข้อความเข้าใจว่าวัสดุดังกล่าวมีลักษณะคล้ายธงชาติ เมื่อพิจารณารูปแบบ ลักษณะ และช่วงเวลาที่จำเลยชูขึ้นประกอบกัน จึงทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจได้ว่าวัสดุดังกล่าวเป็นธงชาติ เห็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ. 2522 มาตรา 51 แล้ว

    ส่วนที่พยานจำเลยปากหนึ่งเบิกความถึงประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ระบุถึงมาตรฐานของค่าสีของธงชาติ ซึ่งไม่ตรงกับสีกับวัสดุดังกล่าวนั้น ประกาศดังกล่าวก็เป็นแต่เพียงคำแนะนำเท่านั้น

    เห็นว่าการทำสีแถบคล้ายกับธงชาติ แต่มีพลาสติกใสแทนแถบบริเวณสีน้ำเงิน และชูในงานชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงเวลาที่มีการเคารพธงชาติ แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองไม่ต้องการให้มีพระมหากษัตริย์ในธงชาติไทย อันเป็นลดทอนคุณค่าของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

    ส่วนที่จำเลยทั้งสองนำปากกามาวางไว้บริเวณวัตถุดังกล่าวเพื่อทำงานศิลปะที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมนั้น จำเลยทั้งสองย่อมคาดหมายได้ว่าผู้ชมอาจเขียนข้อความอะไร

    ส่วนข้อความที่ปรากฏบนวัสดุ คำว่า “พอแล้วไอษัตร์” พบว่าถูกเขียนเป็นตัวขนาดใหญ่ ด้านที่จำเลยที่ 1 ยกชูขึ้น เจือสมกับคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ว่าได้เห็นถ้อยคำนี้ก่อนยกชูขึ้น แต่ไม่เข้าใจความหมาย

    คำว่า “ษัตร์” ไม่มีความหมายตามพจนานุกรม แต่ฟังเสียงคล้ายกับคำว่า “ไอ้สัตว์” ที่ใช้กล่าวติเตียน ด่าว่า และพ้องรูปกับคำว่า “กษัตริย์” เมื่อพิจารณาว่าถูกเขียนลงบนวัสดุคล้ายธงชาติ ที่ไม่มีสีน้ำเงิน บุคคลย่อมทราบและเข้าใจว่าความหมายว่า “ให้พระมหากษัตริย์หยุดได้แล้ว” และมีคำว่า “ไอ้” ซึ่งเป็นคำไม่สุภาพ จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 เข้าใจความหมายเช่นกัน ทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้พระมหากษัตริย์ใช้อำนาจอธิปไตยผ่านคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และศาล และโดยที่พระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และคำว่า “พอแล้ว” หมายถึงพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน ไม่ใช่อดีต จึงเป็นการดูหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

    ส่วนจำเลยที่ 2 ถืออยู่คนละด้านกับข้อความดังกล่าว และธงยังมีขนาดใหญ่ มีข้อความขนาดเล็กถูกเขียนกระจายกันอยู่จำนวนมาก จำเลยที่ 2 อาจจะมองไม่เห็นข้อความก็เป็นได้ ทั้งโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 เห็นข้อความดังกล่าวหรือไม่

    ส่วนข้อความอื่นๆ ตามฟ้อง เห็นว่าเป็นตัวอักษรขนาดเล็ก เห็นได้ไม่ชัด และโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยทั้งสองเห็นข้อความหรือไม่ และเข้าใจความหมายของข้อความหรือไม่ อย่างไร การกระทำของจำเลยที่ 2 ในการชูวัสดุดังกล่าว จึงไม่เป็นความผิดในกรณีนี้

    สำหรับฟ้องของโจทก์ได้บรรยายการกระทำผิดไว้หลายประการ เมื่อมีบางการกระทำที่ครบองค์ประกอบของมาตรา 112 แล้ว จึงเห็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดในข้อหานี้

    จำเลยทั้งสองกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษเป็นกระทงความผิดไป ข้อหาตามมาตรา 112 ให้ลงโทษจำคุก 4 ปี และข้อหาตาม พ.ร.บ.ธง มาตรา 51 ให้ลงโทษจำคุก 8 เดือน ปรับคนละ 2,000 บาท

    จำเลยทั้งสองให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสี่ ข้อหาตามมาตรา 112 คงจำคุก 3 ปี และข้อหาตาม พ.ร.บ.ธง คงจำคุก 6 เดือน ปรับคนละ 1,500 บาท

    รวมโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 1,500 บาท เห็นว่าจำเลยทั้งสองยังเป็นนักศึกษา ใกล้สำเร็จการศึกษาแล้ว หากต้องรับโทษจำคุกย่อมเสียประวัติ ประกอบกับจำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 3 ปี และให้คุมประพฤติจำเลยทั้งสอง มีกำหนด 2 ปี โดยให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติทั้งหมด 8 ครั้ง และให้ยึดของกลางในคดีนี้

    ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี ได้แก่ ภมร อนันตชัย

    (อ้าง: https://tlhr2014.com/archives/58799)

ชั้นสอบสวน

ผู้ถูกดำเนินคดี :
วิธญา คลังนิล

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-
ผู้ถูกดำเนินคดี :
ยศสุนทร รัตตประดิษฐ์

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-

ศาลชั้นต้น

ผู้ถูกดำเนินคดี :
วิธญา คลังนิล

ผลการพิพากษา
ลงโทษ
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต
พิพากษาวันที่ : 28-08-2023
ผู้ถูกดำเนินคดี :
ยศสุนทร รัตตประดิษฐ์

ผลการพิพากษา
ลงโทษ
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต
พิพากษาวันที่ : 28-08-2023

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์