ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
- หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
ดำ อ.2483/2564
ผู้กล่าวหา
- กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ฝ่ายปกครอง)
ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
- หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
หมายเลขคดี
ดำ อ.2483/2564
ผู้กล่าวหา
- กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ความสำคัญของคดี
“เรเน่” พุทธพงศ์ (สงวนนามสกุล) ผู้หญิงข้ามเพศ (transwoman) พนักงานบริษัทวัย 24 ปี ถูกกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแจ้งความ บก.ปอท.ให้ดำเนินคดี จากกรณีที่เธอโพสต์แสดงความคิดบนเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ต่อว่าคนที่เตือนไม่ให้พูดถึงรัชกาลที่ 10 เรเน่ต่อสูคดีโดยยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาหมิ่นประมาทกษัตริย์ตามที่ถูกกล่าวหา
กรณีนี้สะท้อนปัญหาสำคัญประการหนึ่งของการบังคับใช้มาตรา 112 คือ เปิดโอกาสให้ใครก็ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยไม่ต้องเป็นผู้เสียหายเองเหมือนกับข้อหาหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ทำให้กฎหมายมาตรานี้สามารถถูกกลุ่มฝ่ายการเมืองต่างๆ นำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือใช้กล่าวหากลั่นแกล้งกันไปมาอีกด้วย
กรณีนี้สะท้อนปัญหาสำคัญประการหนึ่งของการบังคับใช้มาตรา 112 คือ เปิดโอกาสให้ใครก็ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยไม่ต้องเป็นผู้เสียหายเองเหมือนกับข้อหาหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ทำให้กฎหมายมาตรานี้สามารถถูกกลุ่มฝ่ายการเมืองต่างๆ นำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือใช้กล่าวหากลั่นแกล้งกันไปมาอีกด้วย
พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี
สลาวรรณ ภูริสัตย์ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 บรรยายคำฟ้อง ใจความโดยสรุปว่า
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2563 จําเลยได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของจำเลย ตั้งค่าเป็นสาธารณะ และในขณะเกิดเหตุ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 10 ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 6 บัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้” นั้น
ทําให้ประชาชนทั่วไปพบเห็นข้อความดังกล่าวแล้วทราบว่า เป็นการกล่าวถึงรัชกาลที่ 10 และกล่าวหาว่ารัชกาลที่ 10 เป็นฆาตกร อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ชื่อเสียง ทรงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง จึงเป็นการนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง
(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.2483/2564 ลงงวันที่ 6 ต.ค. 2564)
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2563 จําเลยได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของจำเลย ตั้งค่าเป็นสาธารณะ และในขณะเกิดเหตุ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 10 ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 6 บัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้” นั้น
ทําให้ประชาชนทั่วไปพบเห็นข้อความดังกล่าวแล้วทราบว่า เป็นการกล่าวถึงรัชกาลที่ 10 และกล่าวหาว่ารัชกาลที่ 10 เป็นฆาตกร อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ชื่อเสียง ทรงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง จึงเป็นการนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง
(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.2483/2564 ลงงวันที่ 6 ต.ค. 2564)
ความคืบหน้าของคดี
-
วันที่: 09-03-2021นัด: ค้นบ้าน, ควบคุมตัวไม่มีหมายจับเวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บัญชาการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้เข้าแสดงหมายค้นของศาลอาญา และเข้าตรวจค้นบ้านพักของ “เรเน่” พุทธพงศ์ (สงวนนามสกุล) ก่อนตรวจยึดอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวพุทธพงศ์ขึ้นรถกระบะของตำรวจไปที่ บก.ปอท. โดยไม่มีการแสดงหมายเรียกหรือหมายจับ อ้างว่าจะพาพุทธพงศ์ไปลงลายมือชื่อในเอกสารเท่านั้น และหากแล้วเสร็จจะปล่อยตัว
แต่เมื่อถึง บก.ปอท. พุทธพงศ์นำตัวไปซักถามที่ห้องสอบสวน โดยตำรวจไม่อนุญาตให้เขาติดต่อญาติหรือทนายความ เจ้าหน้าที่ยังนำเอกสารมาให้ลงลายมือชื่อ โดยพุทธพงศ์ได้ลงลายมือชื่อไปด้วยอาการหวาดกลัวและตื่นตระหนก
หลังการซักถาม พนักงานสอบสวนกลับแจ้งพุทธพงศ์ว่า จะแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในวันนั้น แม้ตอนแรกระบุว่า จะนำตัวมาเพื่อซักถามข้อมูลเท่านั้น เมื่อปรึกษากับทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนซึ่งเพิ่งได้รับแจ้งเหตุและเดินทางไปถึง บก.ปอท. ทนายความจึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้พุทธพงศ์มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 18 มี.ค. 2564 เวลา 10.00 น.
(อ้างอิง: https://tlhr2014.com/archives/27143) -
วันที่: 18-03-2021นัด: รับทราบข้อกล่าวหาพุทธพงศ์เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก พ.ต.ต. คมสัน ทุติยานนท์ รองสารวัตร (สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. และ ร.ต.ท.หญิง ปวริศา ศรีกาญจนากาศ รองสารวัตร (สอบสวน) กก.1 บก.ปอท. บรรยายพฤติการณ์คดีโดยสรุปว่า จากการตรวจสอบของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2563 โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งพูดถึงรัชกาลที่ 10 จึงมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดําเนินคดีกับผู้ต้องหา
พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาพุทธพงศ์จำนวน 2 ข้อหา ได้แก่
1. “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
2. “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง” ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3)
พุทธพงศ์ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายหลังภายใน 30 วัน
ทั้งนี้พุทธพงศ์ได้ให้การเพิ่มเติมว่า ในวันที่พนักงานชุดตรวจค้น ได้แสดงหมายค้นของศาลอาญาและเข้าตรวจค้นบ้านพัก โดยไม่แสดงหมายจับนั้น ตนถูกเจ้าหน้าที่จูงใจให้เดินทางมาที่ ปอท. เพื่อเซ็นเอกสารต่าง ๆ หลังจากเจ้าหน้าที่ให้เซ็นเอกสารแล้วเสร็จ ทนายความจึงเข้าพบภายหลัง ตนจึงได้ปรึกษากับทนาย และประสงค์นัดหมายมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบคำให้การในวันที่ 18 มี.ค. 2564
ก่อนรับทราบข้อหา พุทธพงศ์เผยว่า ตนมีความกังวล หากตนถูกจับเข้าเรือนจำ อาจอยู่ไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้หญิงข้ามเพศ (transwoman) ด้านญาติพุทธพงศ์เกรงจะเหมือนกรณี “ฟ้า-พรหมศร” ที่ไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน แม้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก
หลังเสร็จกระบวนการ พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวพุทธพงศ์ไป โดยไม่ควบคุมตัวไว้ เนื่องจากมาปรากฏต่อหน้าพนักงานสอบสวนแล้ว ไม่มีเหตุให้ควบคุมตัว
(อ้างอิง: บันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา กก.1 บก.ปอท. ลงวันที่ 18 มี.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/27143) -
วันที่: 21-04-2021นัด: สอบคำให้การเพิ่มเติมพนักงานสอบสวนนัดหมายพุทธพงศ์เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม พุทธพงศ์ยืนยันให้การปฏิเสธเช่นเดิม พนักงานสอบสวนยังได้คืนคอมพิวเตอร์ที่ตรวจยึดไปในวันที่เข้าค้นบ้าน คงยึดไว้เพียงโทรศัพท์มือถือ
-
วันที่: 24-08-2021นัด: ส่งตัวให้อัยการพนักงานสอบสวนนัดส่งตัวพุทธพงศ์พร้อมสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 พนักงานอัยการรับตัวไว้แล้วนัดฟังคำสั่งวันที่ 6 ก.ย. 2564
-
วันที่: 06-09-2021นัด: ฟังคำสั่งอัยการอัยการยังไม่มีคำสั่ง เลื่อนไปวันที่ 6 ต.ค. 2564
-
วันที่: 06-10-2021นัด: ฟังคำสั่งอัยการ (ฟ้อง)พุทธพงศ์เดินทางไปฟังคำสั่งอัยการตามนัดหมาย พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 มีคำสั่งฟ้องคดี และนำตัวพุทธพงศ์ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ในฐานความผิด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3)
สลาวรรณ ภูริสัตย์ พนักงานอัยการ บรรยายคำฟ้อง ใจความโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2563 จําเลยได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของจำเลย ทําให้ประชาชนทั่วไปพบเห็นข้อความดังกล่าวแล้วทราบว่า เป็นการกล่าวถึงรัชกาลที่ 10 และกล่าวหาว่ารัชกาลที่ 10 เป็นฆาตกร อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ชื่อเสียง ทรงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง จึงเป็นการนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง
ทั้งนี้ อัยการไม่ได้คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยระหว่างพิจารณาคดี โดยขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล
หลังศาลรับฟ้อง ทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลมีคำสั่งอนุญาต โดยมีประกันในวงเงิน 90,000 บาท มีเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการใดๆ ในลักษณะเช่นเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหา อันเป็นที่เสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์หรือเข้าร่วมกิจกรรมใดที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง กำหนดนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 15 พ.ย. 2564 เวลา 13:30 น.
(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.2483/2564 ลงงวันที่ 6 ต.ค. 2564) -
วันที่: 15-11-2021นัด: ตรวจพยานหลักฐานศาลอาญานัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน พนักงานอัยการโจทก์ จําเลย และทนายจําเลยมาศาล
หลังศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้ฟัง จําเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา ด้านโจทก์แถลงประสงค์จะสืบพยานบุคคลทั้งสิ้น 7 ปาก ได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐ 5 รายที่เกี่ยวข้อง และประชาชน 2 ราย โดยเป็นอาจารย์ประจําคณะนิติศาสตร์ที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อความที่จําเลยโพสต์ และประชาชนผู้อ่านข้อความจำเลย
ส่วนจําเลยแถลงแนวทางการต่อสู้คดีว่า ตนเป็นผู้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นประมาทกษัตริย์ตามข้อกล่าวหา โดยฝั่งจำเลยประสงค์จะขอนำสืบพยาน 2 ปาก คือ ตัวจําเลย และคณบดีคณะนิติศาสตร์ หรือผู้แทน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อชี้แจงเรื่องเจตนาของตน โดยจะขอใช้เวลาสืบพยานจำเลยครึ่งนัด
ศาลจึงกำหนดนัดสืบพยานจำนวน 2 นัด โดยเป็นของฝ่ายโจทก์ 1 นัดครึ่ง และจำเลยครึ่งนัด ในวันที่ 4-5 ต.ค. 2565
เรเน่เล่าย้อนถึงความรู้สึกในวันนั้นว่า ไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง เธอมองว่ากฎหมายนี้รุนแรงต่อชีวิตคนๆ หนึ่งมาก ทั้งตอนนั้นยังมีความรู้สึกกลัว เพราะไม่รู้ว่าคดีความจะไปจบที่ตรงไหน
ในช่วงแรกของคดีความ ทำให้เธอต้องลาออกจากงานที่เคยทำ แม้ทางบริษัทจะยังสนับสนุนเธออยู่ก็ตาม แต่เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองอาจจะเป็นปัญหาหรือตัวถ่วงให้กับบริษัทที่เธอทำอยู่
แต่ในความโหดร้าย ก็ยังแฝงความโชคดีอยู่บาง คนรอบข้างเธอทั้ง ครอบครัว และเพื่อนฝูงเข้าใจและไม่ต่อว่าในสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมยังบอกอีกว่า “การที่เธอถูกดำเนินคดีไม่ใช่ความผิดเธอ หากแต่เป็นของคนที่ใช้กฎหมายมารังแกผู้อื่น”
แม้จะถูกฟ้องด้วยมาตรา 112 เธอยังคงติดตามข่าวสารทางการเมืองอยู่ตลอด เพียงแต่ในครั้งต่อๆ มา เธอไม่ได้แสดงความเห็นผ่านทางแพลตฟอร์มสาธารณะมากนัก มีเพียงการพูดคุยเรื่องการเมืองกับคนรอบข้างเท่านั้น
เธอเล่าว่า ตามปกติที่ทุกครั้งที่มาศาลจะรู้สึกเครียด คิดมาก และนอนไม่หลับทุกครั้ง ทั้งยังกังวล และหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองจะถูกตัดสินและโยนเข้าห้องคุมขังในเรือนจำหรือไม่
แต่ในวันนี้เธอพอจะสามารถสลัดความกลัวและความกังวลเหล่านั้นไปได้ อีกทั้งนัดในครั้งต่อไปคือเดือนตุลาคมปีหน้า ทำให้เธอรู้สึกได้มีเวลาใช้ชีวิตมากขึ้น
ทั้งนี้ เธอยกคงยืนยันว่า กฎหมายมาตรา 112 ควรถูกยกเลิก เนื่องจากโทษนั้นหนักเกินไป จนสามารถตัดโอกาสชีวิตของคนๆ หนึ่งได้ และไม่ควรมีใครถูกรังแกด้วยกฎหมายนี้ แม้ท้ายที่สุดไม่อาจยกเลิกกฎหมายนี้ เธอก็หวังว่ามันควรจะสามารถปรับแก้ให้เป็นคดีความทางแพ่ง โดยให้ผู้ที่ถูกหมิ่นประมาทนั้นมาสู้คดีด้วยตัวเอง และเธอเชื่อว่าสถาบันกษัตริย์ต้องสามารถถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ เขาและเราควรปรับตัวเข้าหากัน
เธอกล่าวทิ้งท้ายว่า “ยังอยากสู้ต่อที่นี่จนถึงลมหายใจสุดท้าย แต่ก็ไม่อยากเข้าเรือนจำ”
(อ้างอิง: https://tlhr2014.com/archives/37812) -
วันที่: 04-10-2022นัด: สืบพยานโจทก์
-
วันที่: 05-10-2022นัด: สืบพยานโจทก์, พยานจำเลย
สถานะ การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว หรือ ผลการพิพากษา
ชั้นสอบสวน
ผู้ถูกดำเนินคดี :
“เรเน่” พุทธพงศ์ (สงวนนามสกุล)
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-
ศาลชั้นต้น
ผู้ถูกดำเนินคดี :
“เรเน่” พุทธพงศ์ (สงวนนามสกุล)
ผลการพิพากษา
-
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต
แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์