สรุปความสำคัญ
“อาร์ม” (นามสมมติ) อาชีพอิสระ วัย 20 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 หลัง พุทธ พุทธัสสะ ชาวจังหวัดกำแพงเพชร ไปแจ้งความกล่าวหาจากกรณีที่เขาเผยแพร่คลิปวิดีโอที่กล่าวถ้อยคำหยอกล้อกับแมวลงใน TikTok เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2564 ทำให้อาร์มต้องเดินทางจากเกาะพะงันมาที่จังหวัดกำแพงเพชรหลายต่อหลายครั้งเพื่อต่อสู้คดี โดยแต่ละครั้งต้องใช้เวลาเดินทาง-กลับถึง 4 วัน มีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่าครั้งละ 4,000 บาท ซึ่งสร้างภาระให้กับอาร์มค่อนข้างมาก
กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษแม้ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ทำให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกตีความขยายออกไปอย่างกว้างขวางเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งบุคคลอื่น
กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษแม้ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ทำให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกตีความขยายออกไปอย่างกว้างขวางเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งบุคคลอื่น
ข้อมูลการละเมิด
ครั้งที่ : -
วันที่ : 29-01-2022
-
ผู้ถูกละเมิด
- “อาร์ม” (สงวนชื่อสกุลจริง)
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพการแสดงออก
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
ผู้ละเมิด
- ตำรวจ
พฤติการณ์การละเมิด
29 ม.ค. 2565 ที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร “อาร์ม” (นามสมมติ) วัย 20 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ที่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เดินทางพร้อมทนายความเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลัง พุทธ พุทธัสสะ ชาวจังหวัดกำแพงเพชร ไปแจ้งความกล่าวหาจากกรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอใน TikTok
ก่อนหน้านี้อาร์มได้รับการติดต่อจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ว่า ได้มีการออกหมายเรียกส่งไปยังที่อยู่ของเขาในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่มีใครอยู่ เขาจึงไม่เคยได้รับหมายเรียก ต่อมาเขาจึงได้เห็นหมายเรียกครั้งที่ 1 จากตำรวจ หมายระบุว่าให้เขาไปพบคณะพนักงานสอบสวนในวันที่ 25 ม.ค. 2565 โดยตำรวจระบุว่า หากเขาไม่เดินทางมา อาจจะมีการไปขอออกหมายจับต่อไป แต่เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิด อาร์มจึงได้ขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหามาเป็นวันนี้
พ.ต.ท.สุวิช พิศอ่อน สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร แจ้งข้อกล่าวหาอาร์ม ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2564 ขณะพุทธ พุทธัสสะ เข้าใช้แอพพลิเคชั่นติ๊กต่อก (TikTok) ได้พบผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์ภาพเคลื่อนไหวตนเองแล้วกล่าวถ้อยคำว่า “ไอ้เหี้ย รอ 9 รอ 10 นาทีแล้วแม่ง แมวเหี้ยอะไรเดี๋ยวกูเตะแม่งไปโน่นเลย เฮ้ย เหมียวๆๆ โอ้ยต่อหน้ากล้อง ต้องเป็นคนดีหน่อย โอวเหมียวๆๆ ไปไหนแล้วล่ะ” นายพุทธเห็นว่า ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาพูด เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาดมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดี
อาร์มได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะขอให้การในชั้นศาลต่อไป โดยมีการขอบันทึกภาพวิดีโอระหว่างการสอบสวนเอาไว้ด้วย และหลังพิมพ์ลายนิ้วมือ ตำรวจยังขอเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) ของผู้ต้องหาไว้ด้วย แต่อาร์มปฏิเสธ เนื่องจากเห็นว่าไม่เกี่ยวกับคดีที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
หลังการสอบสวน พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันไว้ และให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไป โดยไม่มีการควบคุมตัวไว้ โดยจะติดต่อนัดหมายมาส่งสำนวนคดีให้กับพนักงานอัยการต่อไป
.
อาร์มเล่าว่า เขาไม่เคยไปร่วมการชุมนุมทางการเมืองมาก่อน แต่ได้ติดตามสถานการณ์และข่าวสารต่างๆ ในโลกออนไลน์ และรับรู้เรื่องปัญหาเกี่ยวกับมาตรา 112 มาบ้าง รวมทั้งเคยไปคอมเมนต์ให้กำลังใจคนในเฟซบุ๊กที่ทราบว่าถูกดำเนินคดีนี้ แต่ไม่คิดว่าตนเองจะถูกดำเนินคดีข้อหานี้เอง และไม่คิดว่าจะต้องมาถึงจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นจังหวัดที่เขาไม่เคยเดินทางไปมาก่อน
ในการเดินทาง อาร์มต้องใช้ระยะเวลาเดินทางจากเกาะพะงัน เป็นเวลาถึง 2 วัน คือนั่งเรือออกจากเกาะในช่วงบ่ายวันที่ 27 ม.ค. 2565 เพื่อต่อรถจากสุราษฎร์ธานีเข้ามายังกรุงเทพฯ และนั่งรถทัวร์ต่อมายังจังหวัดกำแพงเพชร มีค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าเดินทางไป-กลับ ราว 4,000 บาท ยังไม่นับค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย โดยในการเดินทางกลับ ก็คงต้องใช้เวลา 2 วัน โดยไปค้างคืนก่อนในกรุงเทพฯ เช่นกัน การต้องเดินทางไกล ยังทำให้ญาติหรือแฟนไม่สามารถเดินทางมาให้กำลังใจเขาได้ด้วย เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายพอ
อาร์มระบุว่า เขาไม่ถึงกับเกรงกลัวคดีที่ถูกกล่าวหานี้ และพร้อมต่อสู้คดี แต่กังวลต่อภาระทางคดีที่เกิดขึ้น เพราะทำให้เขาต้องเดินทางไกล ซึ่งไม่รู้ว่าต้องมาที่จังหวัดกำแพงเพชรอีกกี่ครั้ง และจะกระทบต่อชีวิตด้านการงานของเขาต่อไปหรือไม่ ทั้งเขาไม่เคยรู้จักผู้กล่าวหาที่อาศัยอยู่ในกำแพงเพชร จึงไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมากล่าวหาเขาเช่นนี้
1 ธ.ค. 2565 พนักงานสอบสวนได้ติดต่อให้อาร์มเดินทางมารับทราบข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 เพิ่มเติมอีก หลังส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการแล้ว อัยการได้มีหนังสือให้แจ้งข้อกล่าวหาอาร์มเพิ่มเติม
พ.ต.ท.สุวิช จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศฯ" ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา โดยอาร์มให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาเช่นเดิม
(อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา สภ.เมืองกำแพงเพชร ลงวันที่ 29 ม.ค. 2565 และ 1 ธ.ค. 2565 และ https://tlhr2014.com/archives/40060)
ก่อนหน้านี้อาร์มได้รับการติดต่อจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ว่า ได้มีการออกหมายเรียกส่งไปยังที่อยู่ของเขาในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่มีใครอยู่ เขาจึงไม่เคยได้รับหมายเรียก ต่อมาเขาจึงได้เห็นหมายเรียกครั้งที่ 1 จากตำรวจ หมายระบุว่าให้เขาไปพบคณะพนักงานสอบสวนในวันที่ 25 ม.ค. 2565 โดยตำรวจระบุว่า หากเขาไม่เดินทางมา อาจจะมีการไปขอออกหมายจับต่อไป แต่เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิด อาร์มจึงได้ขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหามาเป็นวันนี้
พ.ต.ท.สุวิช พิศอ่อน สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร แจ้งข้อกล่าวหาอาร์ม ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2564 ขณะพุทธ พุทธัสสะ เข้าใช้แอพพลิเคชั่นติ๊กต่อก (TikTok) ได้พบผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์ภาพเคลื่อนไหวตนเองแล้วกล่าวถ้อยคำว่า “ไอ้เหี้ย รอ 9 รอ 10 นาทีแล้วแม่ง แมวเหี้ยอะไรเดี๋ยวกูเตะแม่งไปโน่นเลย เฮ้ย เหมียวๆๆ โอ้ยต่อหน้ากล้อง ต้องเป็นคนดีหน่อย โอวเหมียวๆๆ ไปไหนแล้วล่ะ” นายพุทธเห็นว่า ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาพูด เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาดมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดี
อาร์มได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะขอให้การในชั้นศาลต่อไป โดยมีการขอบันทึกภาพวิดีโอระหว่างการสอบสวนเอาไว้ด้วย และหลังพิมพ์ลายนิ้วมือ ตำรวจยังขอเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) ของผู้ต้องหาไว้ด้วย แต่อาร์มปฏิเสธ เนื่องจากเห็นว่าไม่เกี่ยวกับคดีที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
หลังการสอบสวน พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันไว้ และให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไป โดยไม่มีการควบคุมตัวไว้ โดยจะติดต่อนัดหมายมาส่งสำนวนคดีให้กับพนักงานอัยการต่อไป
.
อาร์มเล่าว่า เขาไม่เคยไปร่วมการชุมนุมทางการเมืองมาก่อน แต่ได้ติดตามสถานการณ์และข่าวสารต่างๆ ในโลกออนไลน์ และรับรู้เรื่องปัญหาเกี่ยวกับมาตรา 112 มาบ้าง รวมทั้งเคยไปคอมเมนต์ให้กำลังใจคนในเฟซบุ๊กที่ทราบว่าถูกดำเนินคดีนี้ แต่ไม่คิดว่าตนเองจะถูกดำเนินคดีข้อหานี้เอง และไม่คิดว่าจะต้องมาถึงจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นจังหวัดที่เขาไม่เคยเดินทางไปมาก่อน
ในการเดินทาง อาร์มต้องใช้ระยะเวลาเดินทางจากเกาะพะงัน เป็นเวลาถึง 2 วัน คือนั่งเรือออกจากเกาะในช่วงบ่ายวันที่ 27 ม.ค. 2565 เพื่อต่อรถจากสุราษฎร์ธานีเข้ามายังกรุงเทพฯ และนั่งรถทัวร์ต่อมายังจังหวัดกำแพงเพชร มีค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าเดินทางไป-กลับ ราว 4,000 บาท ยังไม่นับค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย โดยในการเดินทางกลับ ก็คงต้องใช้เวลา 2 วัน โดยไปค้างคืนก่อนในกรุงเทพฯ เช่นกัน การต้องเดินทางไกล ยังทำให้ญาติหรือแฟนไม่สามารถเดินทางมาให้กำลังใจเขาได้ด้วย เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายพอ
อาร์มระบุว่า เขาไม่ถึงกับเกรงกลัวคดีที่ถูกกล่าวหานี้ และพร้อมต่อสู้คดี แต่กังวลต่อภาระทางคดีที่เกิดขึ้น เพราะทำให้เขาต้องเดินทางไกล ซึ่งไม่รู้ว่าต้องมาที่จังหวัดกำแพงเพชรอีกกี่ครั้ง และจะกระทบต่อชีวิตด้านการงานของเขาต่อไปหรือไม่ ทั้งเขาไม่เคยรู้จักผู้กล่าวหาที่อาศัยอยู่ในกำแพงเพชร จึงไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมากล่าวหาเขาเช่นนี้
1 ธ.ค. 2565 พนักงานสอบสวนได้ติดต่อให้อาร์มเดินทางมารับทราบข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 เพิ่มเติมอีก หลังส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการแล้ว อัยการได้มีหนังสือให้แจ้งข้อกล่าวหาอาร์มเพิ่มเติม
พ.ต.ท.สุวิช จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศฯ" ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา โดยอาร์มให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาเช่นเดิม
(อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา สภ.เมืองกำแพงเพชร ลงวันที่ 29 ม.ค. 2565 และ 1 ธ.ค. 2565 และ https://tlhr2014.com/archives/40060)
List คดี
แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์