สรุปความสำคัญ

"บอส" อิศเรษฐ์ เจริญคง นักกิจกรรมและพ่อค้าขายดอกไม้วัย 23 ปี ถูกดำเนินคดีข้อหาวางเพลิง, ทําให้ทรัพย์ที่ใช้มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เสียหาย และทําให้เสียทรัพย์ โดยถูกกล่าวหาว่า วางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณบายพาส จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นของ อบจ.ขอนแก่น เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ด้วยการปาระเบิดเพลิงใส่ จนเป็นรอยโหว่ขนาดเล็ก 2 จุด มูลค่าความเสียหาย 4,500 บาท หลังเข้ามอบตัวบอสได้รับการประกันตัวทั้งในชั้นฝากขังและพิจารณาคดี โดยวางหลักทรัพย์ประกันเป็นเงินสด 35,000 บาท

คดีนี้และคดีวางเพลิงซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ใน จ.ขอนแก่น ช่วงปี 64 อีก 2 คดี พนักงานสอบสวนและอัยการไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 เหมือนเช่นคดีที่มีการแสดงออกต่อพระบรมฉายาลักษณ์ในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งถือว่า เป็นการตีความมาตรา 112 โดยไม่ขยายขอบเขตให้เกินกว่าตัวบท

ข้อมูลการละเมิด

  • ผู้ถูกละเมิด
    • อิศเรษฐ์ เจริญคง
  • ประเด็นการละเมิดสิทธิ
    • เสรีภาพการแสดงออก
    • สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
  • ผู้ละเมิด
    • ตำรวจ

พฤติการณ์การละเมิด

3 พ.ย. 2564 เวลา 09.40 น. "บอส" อิศเรษฐ์ เจริญคง นักกิจกรรมและพ่อค้าขายดอกไม้ธูปเทียนวัย 23 ปี พร้อมทนายความเครือข่ายของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางไปที่ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อเข้าแสดงตัวตามหมายจับจากเหตุวางเพลิงซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ร.10 บริเวณถนนบายพาส ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น เมื่อเดือนมีนาคม 2564

เมื่อเดินทางไปถึงห้องสืบสวน ร.ต.ท. อัษฎาวุธ อัศวพิทักษ์สกุล รองสารวัตรสืบสวน ได้แสดงหมายจับให้อิศเรษฐ์ดู เป็นหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.92/2564 ลงวันที่ 20 พ.ค. 2564 ระบุว่า อิศเรษฐ์ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่า ซึ่งทรัพย์ที่ใช้ มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์, ทําให้เสียทรัพย์, วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น” อิศเรษฐ์รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับบุคคลตามหมายจับดังกล่าว ตำรวจจึงให้ลงลายมือชื่อ และถ่ายภาพประกอบการจับกุม

ก่อนจะควบคุมตัวอิศเรษฐ์ไปที่ห้องสอบสวน พ.ต.ท.อนุชิต ผดุงชาติ พนักงานสอบสวนแจ้งพฤติการณ์คดีที่กล่าวหาว่า เมื่อคืนวันที่ 10 มี.ค. 2564 ต่อเนื่องวันที่ 11 มี.ค. 2564 เวลา 10.30 น. ผู้ต้องหาได้วางเพลิงเผาทรัพย์ ซุ้มเฉลิมพระเกียรติภาพพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ที่ติดตั้งไว้ตามถนนมิตรภาพตัดถนนทางเลี่ยงเมืองศิลา จนได้รับความเสียหายเป็นรอยถูกไฟไหม้ 2 จุด เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร กับ 30 เซนติเมตร และพบรอยเขม่าไฟไหม้ที่ฐานซุ้ม และร่องรอยไฟไหม้หญ้าใต้ฐานซุ้ม คิดเป็นมูลค่า 4,500 บาท

พนักงานสอบสวนแจ้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน ทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่า ซึ่งทรัพย์ที่ใช้ มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 และวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 อิศเรษฐ์ให้การปฏิเสธ และจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น

หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนควบคุมตัวอิศเรษฐ์ไปศาลจังหวัดขอนแก่นเพื่อยื่นคำร้องขอฝากขัง ขณะทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนที่ศาลจังหวัดขอนแก่นจะมีคำสั่งให้ประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์วงเงิน 35,000 บาท หากผิดสัญญาประกันจะถูกปรับ 70,000 บาท และนัดให้รายงานตัวทางโทรศัพท์ทุก 12 วัน

สำหรับอิศเรษฐ์ ปัจจุบันอายุ 23 ปี อาศัยอยู่กับครอบครัวโดยเปิดร้านขายดอกไม้ธูปเทียน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของตำบลศิลา หลังเรียนจบ ม.6 จาก กศน. ก็ช่วยที่บ้านค้าขายมาตลอด กระทั่งช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้รายได้ลดน้อยลง จึงทำให้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นอกจากนั้นอิศเรษฐ์ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองอื่นๆ เข้ามาบริหารประเทศได้

เมื่อเว้นว่างจากการทำงานอิศเรษฐ์ จึงเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับกลุ่มขอนแก่นพอกันทีเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงยุบสภาเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยหลักๆ เขาทำหน้าที่การ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับผู้เข้าชุมนุม

ก่อนหน้านี้อิศเรษฐ์เคยถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกทางการเมือง 3 คดี ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2 คดี และคดีที่ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กําลังประทุษร้าย และทำร้ายร่างกายผู้อื่น จากเหตุการณ์ที่ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบัติ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (รอง ผบช.ภ.4) เข้าปิดลำโพงและแย่งไมค์ขณะ “ราษฎรขอนแก่น” จัดกิจกรรมหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่นรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น คดีทั้งหมดยังอยู่ในชั้นอัยการ

(อ้างอิง: บันทึกการจับกุม สภ.เมืองขอนแก่น และคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ศาลจังหวัดขอนแก่น ลงวันที่ 3 พ.ย. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/37422)

ภูมิหลัง

  • อิศเรษฐ์ เจริญคง
    บอสมักปรากฏตัวในที่ชุมนุมที่จัดโดยนักกิจกรรมในขอนแก่น โดยทำหน้าที่การ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม เขาเล่าว่าตัวเขาไม่ได้สังกัดกลุ่มกิจกรรมใด ทุกครั้งที่ไปช่วยเป็นการ์ดก็ไปเองด้วยใจ และภูมิใจที่ได้มีโอกาสช่วยคนอื่น

    ปกติบอสช่วยแม่ขายดอกไม้ธูปเทียน ทำให้เขาเห็นว่า เศรษฐกิจภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีแต่แย่ลง รายได้ของครอบครัวลดน้อยลง ประกอบกับเขามีหลานเล็กๆ ซึ่งเขาอยากให้หลานเติบโตในสังคมที่ดีกว่านี้ เป็นเหตุให้เขาออกมาร่วมเคลื่อนไหวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์