ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
- ทำให้เสียทรัพย์ (มาตรา 358)
- หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
- พ.ร.บ.ความสะอาดฯ
ผู้กล่าวหา
- ไม่ทราบชื่อ (ตำรวจ)
ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
- พ.ร.บ.ความสะอาดฯ
- หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
- ทำให้เสียทรัพย์ (มาตรา 358)
หมายเลขคดี
ผู้กล่าวหา
- 1
ความสำคัญของคดี
สมพล (นามสมมติ) พนักงานบริษัทวัย 28 ปี ถูก สน.ดอนเมือง ดำเนินคดีในข้อหา หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ, ทำให้เสียทรัพย์ และข้อหาตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ โดยถูกกล่าวหาว่า ปาสีใส่พระบรมฉายาลักษณ์ หน้าหมู่บ้านแกรนคาเนล และบริเวณถนนกำแพงเพชร 6 เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2565 รวม 4 ป้าย สมพลยังถูกดำเนินคดีมาตรา 112 อีก 5 คดี ในท้องที่ต่างๆ จากการปาสีใส่พระบรมฉายาลักษณ์และพ่นสีข้อความพาดพิงกษัตริย์
กรณีของสมพลเป็นอีกกรณีที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับถูกตีความขยายขอบเขตเกินกว่าตัวบทของกฎหมาย ครอบคลุมถึงการกระทำต่อรูปภาพ ไม่ใช่เฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น
กรณีของสมพลเป็นอีกกรณีที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับถูกตีความขยายขอบเขตเกินกว่าตัวบทของกฎหมาย ครอบคลุมถึงการกระทำต่อรูปภาพ ไม่ใช่เฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น
พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี
บันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา ระบุพฤติการณ์คดีโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ดอนเมือง ได้พบป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ที่อยู่บริเวณหน้าหมู่บ้านแกรนคาเนล เขตดอนเมือง มีลักษณะเหมือนถูกคนใช้สีแดงปาใส่ ได้รับความเสียหาย จึงประสานฝ่ายสืบสวนให้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบภาพบุคคลขี่รถจักรยานยนต์มาจอดใช้ถุงพลาสติกที่ภายในบรรจุสีแดง ขว้างปาใส่พระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อเวลา 02.00-02.30 น.
ต่อมา วันที่ 19 ก.พ. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ได้จับกุมตัวสมพล ผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมตรวจยึดของกลาง และตำรวจอ้างว่าผู้ต้องหาได้ยอมรับว่า ยังได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ของ สน.ดอนเมือง อีกจุดหนึ่ง โดยมีการปาถุงพลาสติกบรรจุสีแดงปาใส่ป้ายพระบรมฉายาลักษณ์บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 จำนวน 3 ป้าย
(อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา สน.ดอนเมือง ลงวันที่ 22 มี.ค. 2565)
ต่อมา วันที่ 19 ก.พ. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ได้จับกุมตัวสมพล ผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมตรวจยึดของกลาง และตำรวจอ้างว่าผู้ต้องหาได้ยอมรับว่า ยังได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ของ สน.ดอนเมือง อีกจุดหนึ่ง โดยมีการปาถุงพลาสติกบรรจุสีแดงปาใส่ป้ายพระบรมฉายาลักษณ์บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 จำนวน 3 ป้าย
(อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา สน.ดอนเมือง ลงวันที่ 22 มี.ค. 2565)
ความคืบหน้าของคดี
-
วันที่: 22-03-2022นัด: แจ้งข้อกล่าวหาที่ สน.ดอนเมือง สมพล (นามสมมติ) เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 เป็นคดีที่ 6 กรณีถูกกล่าวหาว่าปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ในพื้นที่เขตดอนเมือง
ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ สมพลถูกจับกุมตามหมายจับถึง 2 ครั้ง พร้อมกับถูกแจ้งข้อหาหลักตามมาตรา 112 ไปแล้วรวม 5 คดี โดยเป็นเหตุเกี่ยวกับปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 จำนวน 4 คดี แยกคดีไปตามท้องที่เกิดเหตุ ได้แก่ คดีของ สภ.ปากเกร็ด, สภ.เมืองปทุมธานี, สภ.ปากคลองรังสิต, สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และยังถูกแจ้งข้อหาอีกคดีหนึ่งของ สภ.คลองหลวง กรณีถูกกล่าวหาว่าพ่นสีสเปรย์ที่มีข้อความเกี่ยวกับกษัตริย์บนป้ายบอกทาง 2 แห่ง
ในคดีที่ 6 นี้ มี พ.ต.ท.โอสถ ผ่าโผน รองผู้กำกับสอบสวน สน.ดอนเมือง เป็นผู้แจ้งข้อหา ระบุพฤติการณ์โดยสรุปว่าเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ดอนเมือง ได้พบป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ที่อยู่บริเวณหน้าหมู่บ้านแกรนคาเนล เขตดอนเมือง มีลักษณะเหมือนถูกคนใช้สีแดงปาใส่ ได้รับความเสียหาย จึงประสานฝ่ายสืบสวนให้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบภาพบุคคลขี่รถจักรยานยนต์มาจอดใช้ถุงพลาสติกที่ภายในบรรจุสีแดง ขว้างปาใส่พระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อเวลา 02.00-02.30 น.
ต่อมา วันที่ 19 ก.พ. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ได้จับกุมตัวสมพล ผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมตรวจยึดของกลาง และตำรวจอ้างว่าผู้ต้องหาได้ยอมรับว่า ยังได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ของ สน.ดอนเมือง อีกจุดหนึ่ง โดยมีการปาถุงพลาสติกบรรจุสีแดงปาใส่ป้ายพระบรมฉายาลักษณ์บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 จำนวน 3 ป้าย
พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 3 ข้อหา ต่อสมพล เช่นเดียวกับคดีอื่นๆ ได้แก่ ข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ข้อหา “ทำให้เสียทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และข้อหา “ทำให้โคมไฟ ป้าย หรือสิ่งใดๆ ที่ราชการได้จัดทำไว้เพื่อสาธารณชนเกิดความเสียหายหรือใช้ประโยชน์ไม่ได้” ตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ มาตรา 35
สมพล ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะยื่นคำให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือใน 30 วัน หลังจากรับทราบข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนได้ให้ปล่อยตัวไปโดยไม่มีการควบคุมตัวไว้
สมพลเปิดเผยหลังถูกกล่าวหาคดีมาตรา 112 รวมถึง 6 คดีแล้วว่า การถูกดำเนินคดีทำให้ชีวิตของเขาลำบากขึ้น เพราะต้องมานัดต่างๆ และยังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรต่อไปหลังจากนี้ ภาระที่เกิดขึ้น อาจทำให้เขาต้องออกจากงานที่ทำอยู่ แต่ก็ได้เตรียมใจไว้ระดับหนึ่งแล้ว
สมพลเล่าว่า เขาเคยไปร่วมการชุมนุมทางการเมืองมาเป็นระยะ โดยในสมัยการชุมนุมคนเสื้อแดง เขาเคยไปร่วมสังเกตการณ์ แต่ยังไม่ได้เข้าสังกัดเสื้อสีไหน จนมาร่วมชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยตั้งแต่ในช่วงปี 2563 เป็นต้นมา เนื่องจากเห็นสภาพบ้านเมือง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต ที่แย่ลงอย่างชัดเจนในด้านต่างๆ เห็นความอยุติธรรมที่มีอยู่เยอะมากในสังคมไทย เลยอยากออกมาร่วมต่อสู้ เพราะเห็นว่าประเทศเรามันควรจะดีกว่านี้ มันสามารถเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นกว่านี้ได้
สมพลระบุว่า ในส่วนมาตรา 112 ได้ติดตามข่าวสารมา ก็พบว่าเป็นข้อหาที่อยุติธรรมอย่างชัดเจน อย่างคดีของคุณอัญชัญ ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกถึงกว่า 80 ปี มันเยอะมากจริงๆ
สำหรับในประเทศที่พัฒนาแล้ว สมพลคิดว่าไม่ได้มีแบบนี้ เรื่องหมิ่นประมาทต่างๆ ไม่ควรมีโทษจำคุก และยังเป็นโทษจำคุกที่สูงมากในสังคมไทย แล้วคดีนี้ ใครก็ไปกล่าวหากันได้ ทั้งที่ปกติควรจะเป็นผู้เสียหาย เขาจึงเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายมาตรานี้ และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เห็นด้วยกับการปรับปรุงสถาบันกษัตริย์ให้เป็นประชาธิปไตยและอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ในส่วนคดีของเขาเอง ก็เตรียมใจที่จะต่อสู้คดีต่อไป
(อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา สน.ดอนเมือง ลงวันที่ 22 มี.ค. 2565 และ https://tlhr2014.com/archives/41738)
สถานะ การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว หรือ ผลการพิพากษา
ชั้นสอบสวน
ผู้ถูกดำเนินคดี :
สมพล (นามสมมติ)
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-
แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์