สรุปความสำคัญ

เทพ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักศึกษา ปวช.ชั้นที่ปี 3 วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น ถูกดำเนินคดีในข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และทําให้เสียทรัพย์ โดยถูกกล่าวหาว่า วางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 หน้าวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น เมื่อคืนวันที่ 18 ก.ย. 2564 จนได้รับความเสียหาย และไฟได้ลามไปติดพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 9 และพระราชินีในรัชกาลที่ 9 บางส่วน คิดเป็นค่าเสียหาย 120,000 บาท เทพได้รับการประกันตัวทั้งในชั้นฝากขังและพิจารณาคดี ในวงเงินประกัน 35,000 บาท

คดีนี้และคดีวางเพลิงซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ใน จ.ขอนแก่น ช่วงปี 64 อีก 2 คดี พนักงานสอบสวนและอัยการไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 เหมือนเช่นคดีที่มีการแสดงออกต่อพระบรมฉายาลักษณ์ในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งถือว่า เป็นการตีความมาตรา 112 โดยไม่ขยายขอบเขตให้เกินกว่าตัวบท

ข้อมูลการละเมิด

  • ผู้ถูกละเมิด
    • เทพ (นามสมมติ)
  • ประเด็นการละเมิดสิทธิ
    • เสรีภาพการแสดงออก
    • สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
  • รูปแบบการละเมิดสิทธิ
    • จับกุม / ควบคุมตัว
    • บุกค้น / ยึดทรัพย์สิน
  • ผู้ละเมิด
    • ตำรวจ

พฤติการณ์การละเมิด

เทพ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักศึกษา ปวช.ชั้นที่ปี 3 วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น เดินทางพร้อมทนายความไปที่ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อเข้าแสดงตนต่อพนักงานสอบสวน หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุเหตุวางเพลิง รูป ร.10 บริเวณหน้าวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น ถนนศรีจันทร์ หลังเที่ยงคืนวันที่ 17 ก.ย. 2564
ตั้งแต่ช่วงเช้าบริเวณหน้าทางเข้า สภ.เมืองขอนแก่น มีการตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนร่วม 50 นาย ประจำจุดเข้า–ออก รวมถึงนำผ้ามาคลุมป้าย สภ.เมืองขอนแก่น ไว้ นอกจากนี้ยังไม่อนุญาตให้ผู้ที่ติดตามมาให้กำลังใจเทพเข้าไปยังบริเวณสถานีตำรวจ ขณะที่ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสารีกิจ ผู้กำกับการ สภ.เมืองขอนแก่น ประกาศเตือนว่า การทำกิจกรรมอาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด และผิดต่อกฎหมาย

พัฒนะ ศรีใหญ่ ทนายความเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนแจ้งกับ พ.ต.อ.ปรีชา ว่า นอกจากนำเทพมาแสดงตนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว โฟม (นามสมมติ) นักศึกษาเทคนิควิทยาลัยขอนแก่น เพื่อนของเทพ จะเข้าให้ปากคำเป็นพยานตามที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกพยานไปถึง แต่ผู้กำกับฯ กล่าวว่า ในวันนี้ให้มีเพียงการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของเทพเท่านั้น ส่วนการสอบพยานค่อยดำเนินการในภายหลัง

ก่อนที่เทพจะปรากฏตัวและเตรียมเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยเพื่อนของเทพและนักกิจกรรมในจังหวัดขอนแก่นได้มอบดอกไม้ให้กำลังใจ เทพได้กล่าวกับทุกคนว่า ขอบคุณที่มาเป็นสักขีพยาน ตนมาวันนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้หลบหนี และพร้อมต่อสู้คดี

เมื่อทนายและเทพไปถึงห้องสอบสวน ร.ต.ท.อัษฎาวุธ อัศวพิทักษ์กุล ชุดสืบสวนได้แสดงหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่นที่ จ.185/2564 ลงวันที่ 24 กันยายน 2564 ข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และทำให้เสียทรีพย์ พร้อมทั้งอ่านให้ฟังและให้เทพตรวจสอบว่า เป็นบุคคลเดียวกับบุคคลตามหมายจับดังกล่าวหรือไม่ เทพรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่จึงให้เทพลงชื่อในหมายจับ โดยทนายความขอให้เจ้าหน้าที่เขียนด้านหลังหมายจับด้วยว่า ได้ดำเนินการตามหมายจับแล้ว

จากนั้น ร.ต.ท.อัษฎาวุธ ได้ทำบันทึกจับกุม โดยระบุในบันทึกจับกุมว่า เทพได้เข้าแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ชั้นจับกุม เทพให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

จากนั้น ร.ต.อ.ปิยะศักดิ์ พ้องเสียง พนักงานสอบสวนจึงแจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาในคดี ระบุว่าเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2564 เวลา 01.54 น. มีบุคคลเข้าไปในวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น โดยปืนกําแพงรั้วบริเวณหลังอาคาร 60 ปี กรมอาชีวะศึกษา แล้วเดินไปยังด้านหลังพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ก่อนจุดไฟจนเพลิงลุกไหม้และวิ่งหลบหนีไปโดยใช้เส้นทางเดิม จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและการสืบสวนสอบสวนพบว่า ผู้ที่ก่อเหตุคือเทพ

พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และทำให้เสียทรัพย์” เทพให้การปฏิเสธ และจะยื่นคำให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 30 วัน แต่พนักงานสอบสวนขอให้ส่งภายใน 25 วัน เนื่องจากคดีนี้มีเวลาฝากขังเพียงแค่ 48 วัน เกรงว่าจะทำสำนวนส่งไปที่อัยการไม่ทัน

หลังพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อนำไปตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พนักงานสอบสวนให้เทพนั่งรอการคอนเฟอร์เรนซ์ระหว่างศาลจังหวัดขอนแก่นกับ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินการในขั้นตอนขอฝากขัง

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องออนไลน์ขอฝากขังเทพครั้งที่ 1 ระบุว่า เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 6 ปาก รอผลตรวจของกลาง ตรวจลายพิมพ์มือผู้ต้องหา และรวบรวมพยานหลักฐานอื่น จึงขอฝากขังระหว่างสอบสวนกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน ถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2564 คำร้องฝากขังยังระบุด้วยว่า หากมีการขอปล่อยตัวชั่วคราวพนักงานสอบสวนขอคัดค้านเนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง หากปล่อยไปเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

เวลาราว 10.30 น. เมื่อเชื่อมต่อสัญญาณคอนเฟอเรนซ์ ผู้พิพากษาอ่านคำร้องขอฝากขัง ซึ่งระบุว่าเทพถูกจับกุมตามหมายจับ แต่เทพแย้งว่าเขาไม่ได้ถูกจับกุมแต่มาแสดงตนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง จากนั้นได้กล่าวตอบศาลที่ถามว่า ผู้ต้องหาจะคัดค้านการฝากขังหรือไม่ โดยระบุว่า ไม่คัดค้าน

ก่อนผู้พิพากษามีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังในชั้นสอบสวนตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ และให้ทนายความไปยื่นคำร้องขอประกันตัวที่ศาล จากนั้นพนักงานสอบสวนแจ้งกับทนายว่าจะคุมตัวเทพไปขังที่ศาลระหว่างรอการยื่นประกัน แต่แล้วเมื่อทนายและผู้มาให้กำลังใจเทพที่เคลื่อนตัวจากหน้า สภ.เมืองขอนแก่น ไปรอเทพที่ศาล กลับไร้วี่แววเทพและชุดตำรวจที่ควบคุมตัวมา จากนั้นทุกคนจึงได้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเปลี่ยนเส้นทางโดยนำเทพไปควบคุมตัวที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น อ้างว่าเป็นคำสั่งศาล

อย่างไรก็ตาม ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ทนายความยื่นขอประกันตัวเทพ โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 35,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ เนื่องจากอาจารย์ของเทพแจ้งกับเพื่อนมาว่า ติดขัดด้านเอกสารไม่สามารถเดินทางมาประกันตัวเทพเองได้ ราว 12.15 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวตลอดถึงชั้นพิจารณา หากผิดสัญญาประกันปรับ 70,000 บาท โดยให้วางหลักประกันไว้ก่อน 35,000 บาท และนัดให้มารายงานตัวที่ศาลอีกครั้งวันที่ 7 ต.ค. 2564

13.00 น. เทพได้รับการปล่อยตัวที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ท่ามกลางความยินดีของเพื่อน นักกิจกรรม และประชาชนผู้สนใจในคดีที่เดินทางมาให้กำลังใจและร่วมจับตากระบวนการในชั้นรับทราบข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ ระหว่างที่เทพเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ด้านหน้า สภ.เมืองขอนแก่น ตัวแทนภาคีนักเรียน KKC ได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์โดยการเผารูปตัวเอง และมีการอธิบายกิจกรรมว่า การเผารูปเพื่อเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจรับฟัง ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ควรถูกคุกคามใดๆ จากรัฐ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้าห้ามไม่ให้จุดไฟ

อย่างไรก็ตามกว่าจะถึงวันที่เทพเข้าแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เทพเล่าว่า หลังวันเกิดเหตุได้ 4-5 วัน มีบุคคลจำนวนหนึ่งที่เทพไม่รู้จักมาก่อน ทักผ่านกล่องข้อความเฟซบุ๊กส่วนตัวแนะนำให้เทพหลบหนีไปก่อน เพราะตำรวจจะมาจับกุมเทพถึงที่พักในช่วงเช้าตรู่ ของวันที่ 24 ก.ย. 2564
มากกว่านั้นในช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ย. 2564 ช่วงเวลา 08.00 น. มิ้นท์ (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของเทพ ได้รับแจ้งจากเพื่อนร่วมหอพักว่า มีตำรวจประมาณ 10 – 20 นาย เข้าค้นห้องพักที่มิ้นท์เป็นผู้เช่าอยู่ ขณะที่มิ้นท์ไม่ได้อยู่ที่ห้องพัก เมื่อมิ้นท์กลับมาที่ห้องจึงเห็นว่า ลูกบิดประตูห้องถูกทุบทำลายเพื่อเข้าไปในห้อง และข้าวของในห้องกระจัดกระจาย ก่อนพบว่ากระเป๋าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กซึ่งใส่เสื้อผ้าไว้ข้างใน พร้อมทั้งกล่องใส่ของ 1 กล่องหายไป

เมื่อมิ้นท์สอบถามเพื่อนและคนดูแลหอพักว่า ตำรวจมีหมายค้นหรือเอกสารเกี่ยวกับการตรวจยึดสิ่งของหรือไม่ เพื่อนของเธอบอกว่าไม่เห็นเอกสาร และทางผู้ดูแลหอพักบอกแต่ว่าให้มิ้นท์ไปคุยกับตำรวจที่โรงพัก จากนั้นมิ้นท์ทราบจากเพื่อนร่วมหอพักอีกว่าก่อนที่เธอจะกลับมาห้องพัก ตำรวจมาเคาะห้องเรียกเพื่อนไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองขอนแก่น เกี่ยวกับสิ่งของที่ตำรวจยึดไปว่า เพื่อนของมิ้นท์เกี่ยวข้องอย่างไร โดยขณะที่ไปถึง สภ. พบว่า ตำรวจกำลังสอบปากคำผู้ดูแลหอพักอยู่

หลังคนรอบข้างถูกคุกคาม เทพจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจกับตำรวจ ไม่หลบหนีตามคำแนะนำที่มีมาถึง

ด้านมิ้นท์กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เธอไม่เคยพบมาก่อนว่า รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย และไม่ไว้วางใจผู้ดูแลหอพักนี้อีกแล้ว เพราะเราก็ไม่ได้คิดปฏิเสธอยู่แล้ว หากเจ้าหน้าที่มีหลักฐานในการจะเข้าค้น แต่เขากลับมาแบบไม่ให้รู้ตัว และทางคนดูแลหอพักก็ไม่ได้ปกป้องสิทธิของผู้เช่าห้อง ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ถึงขณะนี้มินท์ยังไม่พบเห็นหมายค้นจากตำรวจและยังไม่ได้บันทึกตรวจยึดสิ่งของห้องเธอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าแท้จริงแล้วได้อะไรไปจากห้องเธอบ้าง และยังไม่สามารถไว้วางใจสถานการณ์ใดๆ ได้ และมีโอกาสที่เธอจะถูกบุกค้นห้องพักในลักษณะเดียวกันอีก

อย่างไรก็ตาม หลังเทพเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ทนายความได้สอบถามพนักงานสอบสวนว่า การเข้าตรวจค้นห้องพักของมินท์ ชุดสืบสวนที่ไปมีหมายค้นของศาลหรือไม่ พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบรายงานการสืบสวนแล้วแจ้งว่า มีหมายค้น จากนั้นทนายความขอให้อ่านรายการสิ่งของที่ตรวจยึดมา เนื่องจากมินท์ขอให้ตรวจสอบว่า ตำรวจได้นำสิ่งใดมาจากห้องของเธอบ้าง ซึ่งทำให้ทราบว่า ตำรวจได้ยึดโน้ตบุ๊กมาจากห้องของเพื่อนมิ้นท์ด้วย

มีข้อสังเกตว่า ข้อกล่าวหาในคดีนี้เป็นวางเพลิงเผาทรัพย์ แต่ตำรวจกลับค้นห้องและยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไป โดยที่คอมพิวเตอร์ไม่ใช่สิ่งของที่ใช้ในการวางเพลิงได้ จึงไม่เกี่ยวข้องและไม่จำเป็นต้องตรวจยึดไป ซึ่งอาจเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ค้นหาสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องในคดีและละเมิดสิทธิข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ต้องหาได้โดยง่าย นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถระบุได้ว่า การส่งไปตรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 จังหวัดนครราชสีมานั้นจะใช้เวลานานเท่าใด ทำให้ส่งผลกระทบกับมินท์เนื่องจากจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนออนไลน์และทำโครงงานส่งอาจารย์

คดีนี้ ทราบจากหมายเรียกพยานที่โฟม เพื่อนของเทพได้รับ ว่ามี สิทธิศักดิ์ ชำปฏิ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น เป็นผู้กล่าวหา
สำหรับเทพ ปัจจุบันอายุ 19 ปี เรียนอยู่ชั้น ปวช.ปีที่ 3 สาขาช่างโยธา โดยอยู่ระหว่างการฝึกงานก่อนจบในเทอมสุดท้าย ปัจจุบันไม่ได้อยู่กับครอบครัว เนื่องจากพ่อเสียชีวิตได้หลายปี ส่วนแม่แยกไปอยู่ที่อื่น มีญาติคือป้าที่นานๆ เจอกันครั้ง โดยเทพย้ายกลับมาอยู่ขอนแก่นในช่วงจบ ม.3 หลังไปอาศัยกับครอบครัวญาติในหลายจังหวัด ก่อนทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนในชั้น ปวช. ด้วยตัวเอง

(อ้างอิง: บันทึกการจับกุม สภ.เมืองขอนแก่น และคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ศาลจังหวัดขอนแก่น ลงวันที่ 25 ก.ย. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/35645)

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์