ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
  • พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
  • อื่นๆ
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
ดำ อ.2011/2565
แดง อ.1096/2566

ผู้กล่าวหา
  • ชุมพล ศรีวิชัยปัก (ประชาชน)
ผู้ถูกดำเนินคดี

ข้อหา

  • พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
  • อื่นๆ
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)

หมายเลขคดี

ดำ อ.2011/2565
แดง อ.1096/2566
ผู้กล่าวหา
  • ชุมพล ศรีวิชัยปัก

ความสำคัญของคดี

“สายชล” (นามสมมติ) ผู้ช่วยแพทย์ในคลินิกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ถูกดำเนินคดีที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) หลังชุมพล ศรีวิชัยปัก ประชาชนทั่วไปเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีผู้ใช้ TikTok ซึ่งโพสต์ลิปซิงค์เพลง “พระราชาในนิทาน” เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 โดยระบุว่า คลิปดังกล่าวมีถ้อยคําหยาบคายด่ารัชกาลที่ 10 อันเป็นการดูหมิ่น และเป็นการใช้ถ้อยคําที่ไม่เหมาะสมต่อพระมหากษัตริย์

กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี แต่กลับเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษแม้ไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ทำให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งบุคคลอื่น

พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี

ชลันตา วิบูลย์วงศ์ พนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชร บรรยายคำฟ้องมีเนื้อหาโดยสรุปว่า

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 จำเลยได้โพสต์วิดีโอลงในแอพพลิเคชั่น TikTok โดยการลิปซิงค์หรือการขยับปากตามเสียงเพลง โดยมีเนื้อหาไม่ตรงกับเพลงที่แท้จริงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเมื่อบุคคลทั่วไปได้รับชมวิดีโอทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าในหลวงรัชกาลที่ 10 มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พฤติการณ์ดังกล่าว เป็นการจาบจ้วง หมิ่นประมาท ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ชื่อเสียง เกียรติคุณ โดยประการที่น่าจะทำให้ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง และเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง

(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลจังหวัดกำแพงเพชร คดีหมายเลขดำที่ อ.2011/2565 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2565)

ความคืบหน้าของคดี

  • “สายชล” (นามสมมติ) ผู้ช่วยแพทย์ในคลินิกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร ตามที่ ร.ต.อ.ปรัชญา ทาบ้านฆ้อง พนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกผู้ต้องหา ซึ่งระบุชื่อ ชุมพล ศรีวิชัยปัก ประชาชนทั่วไปเป็นผู้กล่าวหา

    ร.ต.อ.ปรัชญา ได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้สายชลทราบโดยไม่มีทนายความเข้าร่วม มีเพียงมารดาร่วมฟังในฐานะผู้ไว้วางใจเท่านั้น รายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 ขณะชุมพล ศรีวิชัยปัก ใช้แอพพลิเคชั่นติ๊กต่อก (TikTok) ได้พบผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์ข้อความพร้อมภาพเคลื่อนไหวของตนเองร้องเพลงลิปซิงค์เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ โดยมีถ้อยคําหยาบคายด่ารัชกาลที่ 10 อันเป็นการดูหมิ่น และเป็นการใช้ถ้อยคําที่ไม่เหมาะสมต่อพระมหากษัตริย์ ชุมพลจึงเข้าร้องทุกข์ให้ดําเนินคดีกับผู้ใช้ TikTok รายดังกล่าว

    จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าผู้ใช้ TikTok รายดังกล่าวคือ สายชล พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยสายชลให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

    ทั้งนี้ เพลงที่มีการร้องลิปซิงค์ใน TikTok ที่พนักงานสอบสวนกล่าวถึงคือเพลง “พระราชาในนิทาน” ที่เป็นกระแสนิยมเล่นกันในช่วงเดือน ส.ค. 2564

    จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มีผู้ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 ในจังหวัดกำแพงเพชร อย่างน้อย 5 ราย ใน 5 คดี ทุกคดีมีบุคคลทั่วไปเป็นผู้ไปแจ้งความกล่าวหาไว้ที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร และ สภ.ขาณุวรลักษบุรี ผู้ถูกกล่าวหา 4 จาก 5 ราย ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่แต่อย่างใด จึงมีภาระต้องเดินทางไปต่อสู้คดีซึ่งดำเนินมากว่า 1 ปีแล้ว

    (อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา สภ.เมืองกำแพงเพชร ลงวันที่ 22 ธ.ค. 2564 และ https://tlhr2014.com/archives/55979)
  • พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกสายชลอีกครั้ง หลังส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการแล้ว อัยการได้มีหนังสือถึงพนักงานสอบสวนลงวันที่ 16 ก.ย. 2565 ให้แจ้งข้อกล่าวหาสายชลเพิ่มเติม

    ร.ต.อ.ปรัชญา จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง" ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา โดยสายชลให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาเช่นเดิม

    (อ้างอิง: บันทึกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม สภ.เมืองกำแพงเพชร ลงวันที่ 7 ต.ค. 2565)
  • พนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชรมีความเห็นสั่งฟ้องคดี และนัดหมายสายชลมาส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดกำแพงเพชร ภายหลังสายชลพร้อมญาติที่เดินทางมาให้กำลังใจเข้ารายงานตัวที่สำนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ได้นำตัวสายชลขึ้นรถกระบะของสำนักงานอัยการไปที่ศาล ซึ่งห่างออกมาเพียง 500 เมตร และได้นำตัวสายชลเข้าไปควบคุมไว้ในห้องขังใต้ถุนศาล ขณะที่ทนายความและญาติได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว

    ระหว่างที่อยู่ในห้องขังใต้ศาล ผู้พิพากษาก็ได้มีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อสอบถามคำให้การ โดยสายชลยืนยันให้การปฏิเสธ อัยการได้บรรยายคำฟ้องมีเนื้อหาโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 จำเลยได้โพสต์วิดีโอลงในแอพพลิเคชั่น TikTok โดยการลิปซิงค์หรือการขยับปากตามเสียงเพลง โดยมีเนื้อหาไม่ตรงกับเพลงที่แท้จริงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเมื่อบุคคลทั่วไปได้รับชมวิดีโอทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าในหลวงรัชกาลที่ 10 มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

    อัยการบรรยายว่า พฤติการณ์ดังกล่าว เป็นการจาบจ้วง หมิ่นประมาท ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ชื่อเสียง เกียรติคุณ โดยประการที่น่าจะทำให้ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง และเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง

    ท้ายคำฟ้อง อัยการยังได้ระบุว่าหากจำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โจทก์ขอคัดค้าน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร หากจำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนี

    จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.30 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักทรัพย์ 150,000 บาท โดยได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ พร้อมกำหนดเงื่อนไขในการปล่อยตัวระหว่างการพิจารณาคดีว่า ห้ามกระทำความผิดลักษณะเดียวกันซ้ำอีกหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

    ศาลได้กำหนดวันนัดพร้อมเพื่อสอบถามคำให้การและตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 20 ธ.ค. 2565 เวลา 09.00 น. จากนั้นสายชลได้รับการปล่อยตัวจากห้องขังใต้ศาลและเดินทางกลับ

    (อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลจังหวัดกำแพงเพชร คดีหมายเลขดำที่ อ.2011/2565 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2565 และ https://tlhr2014.com/archives/51155)
  • ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้ฟัง สายชลให้การปฏิเสธ ทนายจําเลยแถลงแนวทางการต่อสู้คดี เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทําของจําเลยไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามฟ้อง

    โจทก์แถลงจะสืบพยานบุคคล 8 ปาก ใช้เวลาสืบพยาน 2 นัด ทนายจําเลยแถลงประสงค์จะสืบพยานบุคคล 4 ปาก ใช้เวลาสืบพยาน 1 นัดครึ่ง นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 23, 24 พ.ค. 2566 และสืบพยานจำเลยในวันที่ 25, 26 พ.ค. 2566

    (อ้างอิง: รายงานกระบวนพิจารณา ศาลจังหวัดกำแพงเพชร คดีหมายเลขดำที่ อ.2011/2565 ลงวันที่ 20 ธ.ค. 2565)
  • หลังนัดตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยานแล้ว สายชลได้ปรึกษาครอบครัว คนใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพ โดยทนายความได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิม ศาลจึงได้นัดพร้อมในวันนี้

    ศาลออกนั่งพิจารณาคดี สอบถามคำให้การจำเลยอีกครั้ง สายชลให้การใหม่เป็นรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจประวัติของจำเลย พฤติการณ์แห่งคดี และอื่นๆ ที่จำเป็นรายงานต่อศาลเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจในการเขียนคำพิพากษาภายใน 15 วัน นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 10 พ.ค. 2566

    (อ้างอิง: https://tlhr2014.com/archives/55979)
  • เวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 3 ของศาลจังหวัดกำแพงเพชร สายชลเดินทางมานั่งรอฟังคำพิพากษา โดยเจ้าหน้าที่ศาลนำกุญแจมือมาพันธนาการสายชลไว้ก่อนการฟังคำพิพากษา

    อภิรักษ์ เขียนนอก ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดี โดยอ่านรายงานการสืบเสาะ ก่อนสอบถามสายชลว่า ข้อเท็จจริงตรงตามที่จำเลยเคยให้การไว้กับพนักงานคุมประพฤติหรือไม่ สายตรงรับว่าตรงกัน และไม่คัดค้านรายงานการสืบเสาะฉบับดังกล่าว

    จากนั้น ศาลอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักคือตามมาตรา 112 จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน

    พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีตามรายงานการสืบเสาะแล้ว เห็นว่า ภาพและเสียงที่จำเลยโพสต์มีความร้ายแรง ใส่ความพระมหากษัตริย์ที่ดำรงในฐานะเคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของประชาชน แต่เมื่อได้ความตามรายงานสืบเสาะว่า จำเลยใช้แอพพลิเคชั่นติ๊กต่อก 5 - 6 ชั่วโมงต่อวัน โดยมักจะลงกิจวัตรประจำวันของตัวเอง จำเลยลงภาพและเสียงครั้งนี้ตามที่ได้เห็นตัวอย่างมา การกระทำของจำเลยอาจเกิดจากการขาดการยับยั้งช่างใจและไม่ไตร่ตรองถึงผลที่เกิดขึ้นตามที่จำเลยให้ข้อเท็จจริงก็เป็นได้

    เมื่อจำเลยทราบว่าการกระทำของตนเป็นความผิดจึงให้การรับสารภาพ ถือว่ารู้สำนึกในการกระทำ ประกอบกับที่จำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ประกอบอาชีพสุจริต นิสัยและพฤติกรรมไม่มีข้อเสียหายร้ายแรง ทั้งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ การลงโทษจำคุกอาจไม่เกิดผลดีต่อสังคม และจำเลยยังไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นควรให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี กำหนดให้คุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ให้จำเลยเข้าร่วมกิจกรรมแก้ไขฟื้นฟูหรือเข้ารับการอบรมความรู้ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร และให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมเป็นเวลา 12 ชั่วโมง

    หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จแล้วก็ได้กล่าวตักเตือนไม่ให้จำเลยกระทำเช่นนี้อีก ก่อนเจ้าหน้าที่ศาลจะถอดกุญแจมือสายชลออก และให้เธอไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติต่อไป

    (อ้างอิง: คำพิพากษา ศาลจังหวัดกำแพงเพชร คดีหมายเลขดำที่ อ.2011/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อ.1096/2566 ลงวันที่ 10 พ.ค. 2566 และ https://tlhr2014.com/archives/55979)

ชั้นสอบสวน

ผู้ถูกดำเนินคดี :
สายชล (นามสมมติ)

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-

ศาลชั้นต้น

ผู้ถูกดำเนินคดี :
สายชล (นามสมมติ)

ชื่อองค์คณะผู้พิพากษา :
  1. อภิรักษ์ เขียนนอก
  2. ภัคพล เอมศิรานันท์

ผลการพิพากษา
ลงโทษ
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต
พิพากษาวันที่ : 10-05-2023

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์