สรุปความสำคัญ
“นุ้ย” วรัณยา แซ่ง้อ สื่ออิสระวัย 48 ปี ถูกจับกุมตามหมายจับศาลอาญา ก่อนนำตัวไปดำเนินคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) จากการไปร่วมร้องเพลง “โชคดีที่มีคนไทย” และ “ใครฆ่า ร.8” ของวงไฟเย็น ระหว่างกิจกรรมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2565 หลังอัครวุธ ไกรศรีสมบัติ หรือ “เต้” กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันฯ กับพวก เข้าแจ้งความ
ทั้งนี้ มีศิลปิน นักข่าวอิสระ และผู้ชุมนุมถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จากการร้องหรือเล่นดนตรีเพลง “โชคดีที่มีคนไทย” ของวงไฟเย็น ในการชุมนุมครั้งต่างๆ ถึง 5 คน โดยมีทั้งประชาชน “กลุ่มปกป้องสถาบันฯ” และตำรวจเป็นผู้กล่าวหา แต่คดีของโชคดีมีตำรวจเป็นผู้กล่าวหา
กรณีดังกล่าวสะท้อนปัญหาสำคัญของการบังคับใช้มาตรา 112 ที่ใครก็ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยไม่ต้องเป็นผู้เสียหายเอง และการตีความอย่างกว้าง จนกระทบต่อสิทธิเสรีภาพการแสดงออกโดยสงบของประชาชนอย่างกว้างขวาง ทั้งยังกลายเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งคนที่มีความคิดต่างทางการเมือง
ทั้งนี้ มีศิลปิน นักข่าวอิสระ และผู้ชุมนุมถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จากการร้องหรือเล่นดนตรีเพลง “โชคดีที่มีคนไทย” ของวงไฟเย็น ในการชุมนุมครั้งต่างๆ ถึง 5 คน โดยมีทั้งประชาชน “กลุ่มปกป้องสถาบันฯ” และตำรวจเป็นผู้กล่าวหา แต่คดีของโชคดีมีตำรวจเป็นผู้กล่าวหา
กรณีดังกล่าวสะท้อนปัญหาสำคัญของการบังคับใช้มาตรา 112 ที่ใครก็ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยไม่ต้องเป็นผู้เสียหายเอง และการตีความอย่างกว้าง จนกระทบต่อสิทธิเสรีภาพการแสดงออกโดยสงบของประชาชนอย่างกว้างขวาง ทั้งยังกลายเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งคนที่มีความคิดต่างทางการเมือง
ข้อมูลการละเมิด
ครั้งที่ : 1
วันที่ : 01-09-2022
-
ผู้ถูกละเมิด
- วรัณยา แซ่ง้อ
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพการแสดงออก
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ตำรวจ
พฤติการณ์การละเมิด
1 ก.ย. 2565 เวลาประมาณ 19.30 น. มีรายงานว่า วรัณยา แซ่ง้อ หรือ “นุ้ย” สื่ออิสระวัย 48 ปี ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมบริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ภายหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม “ปล่อยเพื่อนเรา” โดยเป็นการจับกุมในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” จากกรณีการไปร่วมร้องเพลงของวงไฟเย็น ระหว่างกิจกรรมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2565
การจับกุมดังกล่าวเป็นการจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 31 ส.ค. 2565 ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พญาไท เข้าจับกุม ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเลขา ผู้กำกับการ สน.พญาไท
ในตอนแรกมีรายงานว่าตำรวจจะนำตัววรัณยาไปยัง สน.พญาไท สถานีตำรวจเจ้าของคดี แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ภายในสโมสรตำรวจแทน
เวลา 21.00 น. ทนายความเดินทางติดตามไปถึง บช.ปส. แต่ยังรอพนักงานสอบสวนเดินทางมาถึง จากนั้นได้มีการจัดทำบันทึกจับกุม โดยส่วนหนึ่งได้ระบุว่าตำรวจได้รับแจ้งจาก “สายลับ” ว่าวรัณยาจะมาปรากฏตัวที่ถนนงามวงศ์วานดังกล่าว
หลังพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาต่อวรัณยาใน 2 ข้อกล่าวหาตามหมายจับ โดยระบุว่าคดีนี้มี อัครวุธ ไกรศรีสมบัติ หรือ “เต้” กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันฯ กับพวก เป็นผู้มาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี วรัณยาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัววรัณยาไว้ที่ บช.ปส. 1 คืน
สายวันที่ 2 ก.ย. 2565 พนักงานสอบสวนนำตัววรัณยาไปขออนุญาตศาลอาญาในการฝากขัง โดยคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา ระบุว่าคดีมีอัตราโทษสูง หากได้รับการปล่อยตัว เกรงว่าจะหลบหนีและผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน และอยู่ระหว่างปล่อยตัวชั่วคราวของศาลอาญากรุงเทพใต้ เกรงว่าจะไปกระทำความผิดซ้ำ หรือทำผิดเงื่อนไขของศาล
ต่อมา ศาลอาญาได้อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาเป็นระยะเวลา 12 วัน ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน และมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว โดยวางหลักทรัพย์ 90,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ ศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามมิให้ผู้ต้องหากระทำการใดๆ ในลักษณะหรือทำนองเดียวกันกับการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา หรือกระทำไปในทางที่ทำให้เสียหายหรือเสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ และให้ตั้งผู้กำกับดูแลผู้ต้องหา โดยให้ผู้ต้องหาไปรายงานตัวกับผู้กำกับดูแลทุก 15 วัน ในระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน
(อ้าง: คำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ศาลอาญาลงวันที่ 2 กันยายน 2565 และ https://tlhr2014.com/archives/47855)
การจับกุมดังกล่าวเป็นการจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 31 ส.ค. 2565 ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พญาไท เข้าจับกุม ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเลขา ผู้กำกับการ สน.พญาไท
ในตอนแรกมีรายงานว่าตำรวจจะนำตัววรัณยาไปยัง สน.พญาไท สถานีตำรวจเจ้าของคดี แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ภายในสโมสรตำรวจแทน
เวลา 21.00 น. ทนายความเดินทางติดตามไปถึง บช.ปส. แต่ยังรอพนักงานสอบสวนเดินทางมาถึง จากนั้นได้มีการจัดทำบันทึกจับกุม โดยส่วนหนึ่งได้ระบุว่าตำรวจได้รับแจ้งจาก “สายลับ” ว่าวรัณยาจะมาปรากฏตัวที่ถนนงามวงศ์วานดังกล่าว
หลังพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาต่อวรัณยาใน 2 ข้อกล่าวหาตามหมายจับ โดยระบุว่าคดีนี้มี อัครวุธ ไกรศรีสมบัติ หรือ “เต้” กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันฯ กับพวก เป็นผู้มาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี วรัณยาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัววรัณยาไว้ที่ บช.ปส. 1 คืน
สายวันที่ 2 ก.ย. 2565 พนักงานสอบสวนนำตัววรัณยาไปขออนุญาตศาลอาญาในการฝากขัง โดยคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา ระบุว่าคดีมีอัตราโทษสูง หากได้รับการปล่อยตัว เกรงว่าจะหลบหนีและผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน และอยู่ระหว่างปล่อยตัวชั่วคราวของศาลอาญากรุงเทพใต้ เกรงว่าจะไปกระทำความผิดซ้ำ หรือทำผิดเงื่อนไขของศาล
ต่อมา ศาลอาญาได้อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาเป็นระยะเวลา 12 วัน ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน และมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว โดยวางหลักทรัพย์ 90,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ ศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามมิให้ผู้ต้องหากระทำการใดๆ ในลักษณะหรือทำนองเดียวกันกับการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา หรือกระทำไปในทางที่ทำให้เสียหายหรือเสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ และให้ตั้งผู้กำกับดูแลผู้ต้องหา โดยให้ผู้ต้องหาไปรายงานตัวกับผู้กำกับดูแลทุก 15 วัน ในระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน
(อ้าง: คำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ศาลอาญาลงวันที่ 2 กันยายน 2565 และ https://tlhr2014.com/archives/47855)
List คดี
แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์