ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
  • พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
  • Facebook
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน (มาตรา 368)
ดำ อ.1209/2567

ผู้กล่าวหา
  • อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส. (ประชาชน)
  • พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
  • Facebook
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน (มาตรา 368)
ดำ อ.1209/2567

ผู้กล่าวหา
  • อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส. (ประชาชน)
ผู้ถูกดำเนินคดี

ข้อหา

  • พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
  • Facebook
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน (มาตรา 368)

หมายเลขคดี

ดำ อ.1209/2567
ผู้กล่าวหา
  • อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส.

ข้อหา

  • พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
  • Facebook
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน (มาตรา 368)

หมายเลขคดี

ดำ อ.1209/2567
ผู้กล่าวหา
  • อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส.

ความสำคัญของคดี

“แบงค์” ณัฐพล (สงวนนามสกุล) และ “ต๊ะ” คทาธร (สงวนนามสกุล) 2 นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุแก๊ซ ถูกดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ภายหลัง แกนนำ ศปปส. เข้าแจ้งความที่ สน.สำราญราษฎร์ กล่าวหาว่า ถือกระดาษเขียนข้อความไม่เหมาะสม บริเวณหน้าพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระราชินี ที่หน้าวัดสุทัศน์ กลางดึกคืนวันที่ 15 ม.ค. 2567 และนำรูปไปโพสต์พร้อมเขียนข้อความประกอบ จากนั้นตำรวจได้สืบสวนและขอศาลออกหมายจับหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน โดยไม่ได้ออกหมายเรียกก่อน

พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี

อิทธิพัฒน์ เพชรกวินกุล พนักงานอัยการ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 บรรยายมีสาระสำคัญโดยสรุปว่า

1. ขณะเกิดเหตุและปัจจุบัน ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2567 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณระหว่างป้อมอนันตคีรีและประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์ และนั่งลงบริเวณฟุตบาทข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง แล้วชูป้ายกระดาษที่เขียนข้อความรวม 2 แผ่น โดยสลับกันชูป้ายและถ่ายรูป

จากนั้นทั้งสองได้ขับขี่จักรยานยนต์ไปจอดที่พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระราชินี ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง นั่งลงใกล้แท่นหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ในมือชูป้ายกระดาษที่เขียนข้อความ 2 แผ่น สลับกันชูป้ายและใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูป ก่อนขับรถจักรยานยนต์ออกจากบริเวณดังกล่าว ณัฐพลได้ขยำกระดาษทั้งสองแผ่นแล้วขว้างปาใส่พระบรมฉายาลักษณ์

ภายหลังจากนั้นจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันโพสต์ภาพขณะชูป้ายข้อความหน้าพระบรมฉายาลักษณ์และริมกำแพงพระบรมมหาราชวังลงเฟซบุ๊กส่วนตัวของทั้งสอง ซึ่งตั้งค่าเป็นสาธารณะ พร้อมกับโพสต์ข้อความประกอบ

รูปภาพและข้อความที่จําเลยทั้งสองโพสต์ดังกล่าว ทำให้ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปที่พบเห็นเข้าใจความหมายได้ว่า รัชกาลที่ 10 และพระราชินี เสียสติคล้ายคนบ้าหรือเป็นผู้มีสติที่ผิดแผกไปจากคนธรรมดา เป็นคนไม่ดี โหดเหี้ยม หรืออยู่เบื้องหลังในการสั่งฆ่า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นถ้อยคำที่มีความหมายในเชิงลบ ด้อยค่า ด้อยความสำคัญ ด้อยความดี โดยประการที่น่าจะทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระราชินีเสื่อมเสียพระเกียรติ ดูถูก ดูหมิ่น เกลียดชัง

2. เมื่อวันที่ 18 และ 19 ม.ค. 2567 หลังพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา จำเลยทั้งสองได้ฝ่าผืนคำสั่งของเจ้าพนักงาน โดยปฎิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อส่งตรวจพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลในคดี โดยไม่มีเหตุอันสมควร

(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.1209/2567 ลงวันที่ 11 เม.ย. 2567)

ความคืบหน้าของคดี

  • เวลาประมาณ 18.00 น. “แบงค์” ณัฐพล (สงวนนามสกุล) นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุแก๊สวัย 21 ปี ถูกตำรวจเข้าจับกุมตามหมายจับในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นำตัวไปที่ สน.ทุ่งสองห้อง

    เวลาประมาณ 21.30 น. หลังทนายความเดินทางติดตามไปถึง สน.ทุ่งสองห้อง ตำรวจกลับไม่อนุญาตให้พบแบงค์ ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา อ้างว่าผู้กำกับกำชับมา ทั้งยังนำแผงเหล็กมากั้นหน้าห้องไว้ด้วย ส่วนที่ประตูด้านหน้าสถานีตำรวจ ก็มีการปิดประตูและติดป้าย “พื้นที่ควบคุม” โดยมีเพื่อนนักกิจกรรมและผู้สื่อข่าวติดตามมาอยู่ด้านหน้าจำนวนหนึ่ง

    จนเวลาประมาณ 22.06 น. ตำรวจจึงได้อนุญาตให้ทนายพบกับแบงค์ หลังใช้เวลารอกว่าครึ่งชั่วโมง

    แบงค์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่ขับรถจักรยานยนต์เข้าบ้านพักย่านซอยเทพลีลา ได้มีชายนอกเครื่องแบบขับรถจักรยานยนต์ตัดหน้า และนำรถยนต์มาจอดปิดด้านข้าง ก่อนมีชายประมาณ 8-9 คน ไม่มีใครใส่เครื่องแบบ มารุมล้อมเขา บางส่วนยังน่าจะปลอมตัวเป็นคนจรจัดอยู่บริเวณดังกล่าวด้วย

    เจ้าหน้าที่บางนายได้แสดงบัตรตำรวจ ก่อนจะอ่านหมายจับในข้อหาตามมาตรา 112 โดยไม่ได้ให้เขาดูหมายจับ แต่ใช้วิธีอ่านให้ฟังอย่างรวบรัด แบงค์จำได้ว่าตำรวจไม่ได้ระบุถึงข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ด้วย

    หลังอ่านหมายจับ ตำรวจจะใส่กุญแจมือ แต่เขายืนยันว่าไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี และจะเดินทางไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ใส่ แต่ได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของเขาไว้ และไม่ยอมให้เขาติดต่อญาติ หรือทนายความระหว่างจับกุม โดยอ้างว่า “นาย” สั่งไม่ให้ติดต่อ

    แบงค์ถูกพาตัวไปทำบันทึกจับกุมที่ สน.สำราญราษฎร์ โดยเขาไม่สามารถติดต่อใครได้ จนหลังทำบันทึกแล้ว ประมาณ 20.00 น. เขาจึงได้ติดต่อกับเพื่อนว่าตนถูกจับกุม และตำรวจกำลังจะพาไปยัง สน.ทุ่งสองห้อง ข่าวเรื่องการจับกุมเขาจึงมีเพื่อนนักกิจกรรมได้รับทราบ

    ตามบันทึกจับกุมระบุว่า การจับกุมเกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนายตำรวจระดับต่าง ๆ อีก 11 นาย ได้สั่งการให้ชุดจับกุมที่นำโดย พ.ต.ท.คชภพ คงสมบูรณ์ สารวัตรสืบสวนของกองกำกับการตำรวจนครบาล 6 พร้อมนายตำรวจอีก 16 นาย จากทั้ง บก.น.6 และ สน.สำราญราษฎร์ เข้าจับกุม

    การจับกุมอ้างหมายจับของศาลอาญาที่ 233/2567 ลงวันที่ 17 ม.ค. 2567 ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยบันทึกจับกุมยังอ้างว่าตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่าเขาหลบหนีมาอยู่ในบ้านบริเวณดังกล่าว จึงเดินทางมาตรวจสอบ ทั้งที่ข้อเท็จจริงณัฐพลไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด และบ้านดังกล่าวก็เป็นที่พักของเขาอยู่แล้ว ทั้งเขาไม่เคยได้รับหมายเรียกมาก่อน ทำให้เขาปฏิเสธจะลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุมที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง

    ต่อมาทราบว่าคดีนี้มี อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำของกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ซึ่งเป็นผู้แจ้งความคดีมาตรา 112 ไว้หลายสิบคดี เป็นผู้กล่าวหาไว้ที่ สน.สำราญราษฎร์ กรณีเจ้าหน้าที่นำตัวมาสอบสวนที่ สน.ทุ่งสองห้อง จึงไม่ใช่ท้องที่ของสถานีตำรวจเจ้าของคดีแต่อย่างใด

    ร.ต.ท.สุฤเศฬษฐ์ บัวผัน รองสารวัตรสอบสวน สน.สำราญราษฏร์ ที่เดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง ได้เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนณัฐพล โดยระบุพฤติการณ์คดีว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2567 เวลา 15.00 น. ผู้กล่าวหาได้มาพบ พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ จินดาหลวง รองผู้กำกับการสืบสวน สน.สำราญราษฎร์ แจ้งว่าเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. ได้พบผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์รูปภาพชายใส่เสื้อและกางเกงสีดำ สวมหมวกกันน็อค พร้อมถือกระดาษ 2 แผ่น เขียนข้อความไม่เหมาะสม บริเวณหน้าพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระราชินี หน้าวัดสุทัศน์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ สน.สำราญราษฏร์ และได้เขียนข้อความประกอบภาพ ซึ่งผู้กล่าวหาเห็นว่าเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

    พนักงานสอบสวนระบุว่า จากการพิสูจน์ทราบบุคคล ตรวจสอบเฟซบุ๊กและภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดที่เกิดเหตุ เชื่อว่า ผู้ก่อเหตุซึ่งมี 2 คน คือ ณัฐพล และ “ต๊ะ” คทาธร (สงวนนามสกุล) จึงยื่นคำร้องขอออกหมายจับทั้งสองคน

    พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาณัฐพลรวม 2 ข้อหา ตามหมายจับ ณัฐพลได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทั้งยังปฏิเสธไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา และไม่ยินยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ เนื่องจากเห็นว่าเคยพิมพ์ไว้ในคดีก่อนหน้านี้ และมีประวัติอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้ว ทำให้พนักงานสอบสวนมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 “ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร” เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา

    จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวณัฐพลไว้ใน 1 คืน เพื่อรอนำตัวไปขอฝากขังที่ศาลอาญาในสายวันรุ่งขึ้น
    .
    ทั้งนี้ แบงค์ ณัฐพล พื้นเพเป็นคนจังหวัดอุตรดิตถ์ มาทำงานเป็นไรเดอร์ส่งอาหารในกรุงเทพฯ โดยเขาต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่อายุ 12 ปี เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน หลังออกมาร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง เขาเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 112 มาก่อนแล้ว 1 คดี จากกรณีถูกกล่าวหาว่าร่วมวางเพลิงเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ บริเวณหน้ากระทรวงแรงงาน ระหว่างชุมนุม #ม็อบทะลุแก๊ส เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2564 คดีนี้อยู่ระหว่างรอการสืบพยานในชั้นศาล

    ต่อมาเขายังถูกดำเนินคดีกรณีถูกกล่าวหาว่าวางเพลิงรถยนต์ตำรวจ ระหว่างการชุมนุม “ราษฎรเดินไล่ตู่” หรือ #ม็อบ11มิถุนา2565 บริเวณแยกดินแดงด้วย คดีหลังนี้ทำให้เขาถูกคุมขังในสองช่วง คือในช่วงระหว่างสอบสวนและระหว่างพิจารณา เป็นเวลากว่า 8 เดือน ก่อนศาลจะให้ประกันตัว และในช่วงหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี โดยถูกคุมขังราว 2 เดือนเศษ ก่อนศาลจะให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ โดยให้ติดกำไล EM ในระหว่างประกันตัวด้วย

    (อ้างอิง: บันทึกการจับกุมและบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม สน.สำราญราษฎร์ ลงวันที่ 18 ม.ค. 2567 และ https://tlhr2014.com/archives/63341)
  • ช่วงสาย พนักงานสอบสวนนำตัวณัฐพลไปขออำนาจฝากขังที่ศาลอาญา ซึ่งศาลอนุญาตให้ฝากขัง ทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยมีนายประกันจากกองทุนราษฎรประสงค์

    ต่อมาเวลา 16.32 น. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง น่าเชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาจะไม่หลบหนี โดยให้วางหลักประกัน 180,000 บาท

    ศาลยังกำหนดเงื่อนไขประกัน ห้ามผู้ต้องหากระทำการใด ๆ ในลักษณะเดียวกับข้อกล่าวหาในคดีนี้อีก หากฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ศาลจะพิจารณาเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
    .
    ต่อมา เวลาประมาณ 21.15 น. “ต๊ะ” คทาธร นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุแก๊ซ วัย 28 ปี ได้เดินทางเข้ามอบตัวหลังทราบว่ามีหมายจับในคดีนี้อีกราย

    หลังจากที่ต๊ะเดินทางไปถึงหน้า สน.สำราญราษฎร์ และกำลังรับประทานอาหารอยู่บริเวณหน้า สน. เวลา 21.43 น. ตำรวจนอกเครื่องแบบได้แสดงตัวและอ่านหมายจับต่อหน้าต๊ะ และนำตัวเข้าไปใน สน. เพื่อทำบันทึกจับกุม โดยมีทนายความติดตามเข้าไปด้วย ขณะเพื่อนนักกิจกรรม ประชาชน และสื่ออิสระที่มาให้ติดตามกรณีของคทาธรรออยู่ด้านนอก

    การจับกุมครั้งนี้อ้างหมายจับศาลอาญา ที่ 234/2567 ลงวันที่ 17 ม.ค. 2567 ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยคทาธรไม่เคยได้รับหมายเรียกมาก่อน

    บันทึกการจับกุมระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทราบจากสื่อสังคมออนไลน์ว่า คทาธรจะเข้ามามอบตัวที่ สน.สำราญราษฎร์ หลังจากคทาธรมาปรากฏตัวจึงได้แสดงหมายจับและนำส่งพนักงานสอบสวนต่อไป

    ร.ต.ท.สุฤเศฬษฐ์ บัวผัน แจ้งพฤติการณ์คดีกับคทาธรเช่นเดียวกันกับที่แจ้งณัฐพลไปก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า คทาธรขี่มอเตอร์ไซค์ไปกับณัฐพลและเข้าไปยังบริเวณพระบรมฉายาลักษณ์หน้าวัดสุทัศน์ ที่เกิดเหตุ

    พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาคทาธร 2 ข้อหา เช่นเดียวกับณัฐพล คทาธรได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เขาลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุม แต่ได้ปฏิเสธไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา และไม่ยินยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ ทำให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 “ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร” เพิ่มอีก 1 ข้อหา

    นอกจากนี้ ในระหว่างการสอบสวน ได้มีตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานมาขอเก็บ DNA ของคทาธรเพื่อนำไปตรวจสอบ แต่คทาธรและทนายความได้ปฏิเสธกระบวนการดังกล่าว

    หลังแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น คทาธรถูกนำตัวขึ้นรถควบคุมตัวของ สน.สำราญราษฎร์ ไปคุมขังที่ สน.ทุ่งสองห้อง โดยพนักงานสอบสวนอ้างหนังสือกองบัญชาการตำรวจนครบาล เรื่องให้ใช้สถานที่ควบคุมของ สน.ทุ่งสองห้อง, สน.ฉลองกรุง, สน.จรเข้น้อย เป็นสถานที่ควบคุมพิเศษเฉพาะคราว

    จนเมื่อเวลาประมาณ 00.05 น. คทาธรได้เดินทางถึง สน.ทุ่งสองห้อง แต่เขาปฏิเสธที่จะลงจากรถควบคุมตัว

    ต่อมาเวลา 01.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กติดป้าย “พื้นที่ควบคุม” มาตั้งบริเวณทางเข้า สน. อีกทั้งนำแผงเหล็กมากั้นรอบรถ ทำให้ในคืนนี้เขาจึงนอนในรถควบคุมตัว โดยที่มีเพื่อนนักกิจกรรมและมวลชนนอนเฝ้าบริเวณรถคันดังกล่าว

    (อ้างอิง: https://tlhr2014.com/archives/63341 และ https://tlhr2014.com/archives/63371)
  • ช่วงเช้า พนักงานสอบสวนนำตัวคทาธรไปขออำนาจฝากขังที่ศาลอาญา ซึ่งศาลอนุญาตให้ฝากขัง ทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยมีนายประกันจากกองทุนราษฎรประสงค์

    ต่อมาเวลา 13.13 น. ศาลอาญามีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนตลอดจนถึงชั้นพิจารณา เว้นแต่โจทก์ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาที่หนักกว่า โดยมีประกันในวงเงิน 180,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขประกันว่า "ห้ามผู้ต้องหากระทำการใด ๆ ในลักษณะเดียวกับข้อกล่าวหาในคดีนี้อีก หากฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ศาลจะพิจารณาเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว" เช่นเดียวกับกรณีของณัฐพล
    .
    ทั้งนี้ คดีนี้เป็นคดีข้อหามาตรา 112 คดีแรกของ “ต๊ะ” คทาธร ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยาวนานที่สุดในปี 2565 หลังถูกจับกุมและฝากขังจากเหตุมีวัตถุระเบิดปิงปองไว้ในความครอบครอง จากการถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นระหว่างเดินทางไปร่วมงานรำลึก 12 ปี การสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2565 ที่แยกราชประสงค์

    จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 ก.ค.​ 2566 เขาจึงถูกปล่อยตัวเนื่องจากครบกำหนดโทษตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยในระหว่างนั้นเขาไม่เคยได้รับสิทธิในการประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้คดีแม้แต่ครั้งเดียว

    (อ้างอิง: https://tlhr2014.com/archives/63371)
  • เวลา 13.00 น. ที่ศาลอาญา พนักงานอัยการ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องณัฐพลและคทาธร นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุแก๊ซ ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) และขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน จากเหตุโพสต์ภาพถือกระดาษข้อความหน้าพระบรมฉายาลักษณ์

    คำฟ้องโดยสรุประบุว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2567 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองได้ชูป้ายกระดาษที่เขียนข้อความรวม 2 แผ่น บริเวณฟุตบาทข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง และแท่นหน้าพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระราชินี ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง โดยสลับกันชูป้ายและใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูป จากนั้นได้โพสต์ภาพลงเฟซบุ๊กส่วนตัวของทั้งสอง พร้อมกับโพสต์ข้อความประกอบ

    อัยการระบุว่า รูปภาพและข้อความที่จําเลยทั้งสองโพสต์ดังกล่าว ทำให้ประชาชนที่พบเห็นเข้าใจความหมายได้ว่า รัชกาลที่ 10 และพระราชินี เสียสติคล้ายคนบ้า เป็นคนไม่ดี โหดเหี้ยม หรืออยู่เบื้องหลังในการสั่งฆ่า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นถ้อยคำที่มีความหมายในเชิงลบ ด้อยค่า โดยประการที่น่าจะทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระราชินีเสื่อมเสียพระเกียรติ ดูถูก ดูหมิ่น เกลียดชัง

    นอกจากนี้เมื่อวันที่ 18 และ 19 ม.ค. 2567 หลังพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา จำเลยทั้งสองได้ฝ่าผืนคำสั่งของเจ้าพนักงาน โดยปฎิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยไม่มีเหตุอันสมควร

    ทั้งนี้ พนักงานอัยการได้คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดี อ้างเหตุว่า เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี

    พร้อมกันนี้อัยการระบุว่า คทาธรเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 1 ปี 3 เดือน 15 วัน ฐานร่วมกันมีอาวุธระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย พ้นโทษเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2566 และจำเลยได้กระทำความผิดในคดีนี้อีกภายในระยะเวลา 5 ปีหลังพ้นโทษ อันไม่ใช่ความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ จึงขอให้ศาลเพิ่มโทษคทาธร 1 ใน 3 ตามกฎหมาย และนับโทษจำคุกณัฐพลในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่น ๆ ของศาลอาญาอีก 3 คดี

    (อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.1209/2567 ลงวันที่ 11 เม.ย. 2567 และ https://tlhr2014.com/archives/66505)
  • แบงค์และต๊ะเดินทางมาศาลตามนัด ภายหลังอัยการยื่นฟ้อง หลังจากทนายยื่นประกันในชั้นพิจารณาคดี ศาลได้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทั้งสอง ด้วยวงเงินประกันคนละ 180,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ ซึ่งเป็นหลักทรัพย์เดินในชั้นฝากขัง พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามการใด ๆ ในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้เช่นเดิม นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 16 ก.ย. 2567

    (อ้างอิง: https://tlhr2014.com/archives/66505)

  • เลื่อนไปวันที่ 7 ต.ค. 2567

ชั้นสอบสวน

ผู้ถูกดำเนินคดี :
ณัฐพล เหล็กแย้ม

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต
ผู้ถูกดำเนินคดี :
คทาธร (สงวนนามสกุล)

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต

ศาลชั้นต้น

ผู้ถูกดำเนินคดี :
ณัฐพล เหล็กแย้ม

ผลการพิพากษา
-
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต
ผู้ถูกดำเนินคดี :
คทาธร (สงวนนามสกุล)

ผลการพิพากษา
-
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
อนุญาต

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์