ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
- เว็บไซต์
- หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
ดำ 210ก./2558
แดง 262ก./2558
ผู้กล่าวหา
- พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม (ตำรวจ)
ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
- เว็บไซต์
- หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
หมายเลขคดี
ดำ 210ก./2558
แดง 262ก./2558
ผู้กล่าวหา
- พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม
ความสำคัญของคดี
ธนิตศักดิ์ ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในคดีตาม ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 จากการแชร์คลิปเสียงของ "บรรพต" โดยอัยการทหารฟ้องว่า มีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ และมีการกระทำในลักษณะเป็นขบวนการเดียวกับ "บรรพต" ธนิตศักดิ์ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมและสอบสวน และไม่ยื่นประกันตัว
.
คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาคดีของศาลทหารเนื่องจากเจ้าหน้าที่อ้างว่า คลิปเสียงของ "บรรพต" ที่ธนิตศักดิ์แชร์อยู่ในเว็บไซต์จนกระทั่งวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบ คือ วันที่ 28 ม.ค. 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่ คสช.ประกาศให้คดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในราชอาณาจักรอยู่ในการพิจารณาของศาลทหาร ทั้งยังอยู่ในช่วงที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ทำให้คำพิพากษาของศาลทหารกรุงเทพมีผลให้คดีถึงที่สุด โดยจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์และฎีกา ศาลยังมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนี้เป็นการลับ รวมทั้งการอ่านคำพิพากษาก็เป็นไปอย่างปิดลับด้วย ซึ่งไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
.
คดีนี้เป็นคดี 112 อีกคดีที่มีอัตราโทษจำคุกที่สูง คือ กระทงละ 8 ปี ต่างไปจากคำพิพากษาของศาลยุติธรรมก่อนการรัฐประหาร และขัดต่อหลักความได้สัดส่วนของการกำหนดโทษทางอาญา
.
คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาคดีของศาลทหารเนื่องจากเจ้าหน้าที่อ้างว่า คลิปเสียงของ "บรรพต" ที่ธนิตศักดิ์แชร์อยู่ในเว็บไซต์จนกระทั่งวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบ คือ วันที่ 28 ม.ค. 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่ คสช.ประกาศให้คดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในราชอาณาจักรอยู่ในการพิจารณาของศาลทหาร ทั้งยังอยู่ในช่วงที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ทำให้คำพิพากษาของศาลทหารกรุงเทพมีผลให้คดีถึงที่สุด โดยจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์และฎีกา ศาลยังมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนี้เป็นการลับ รวมทั้งการอ่านคำพิพากษาก็เป็นไปอย่างปิดลับด้วย ซึ่งไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
.
คดีนี้เป็นคดี 112 อีกคดีที่มีอัตราโทษจำคุกที่สูง คือ กระทงละ 8 ปี ต่างไปจากคำพิพากษาของศาลยุติธรรมก่อนการรัฐประหาร และขัดต่อหลักความได้สัดส่วนของการกำหนดโทษทางอาญา
พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี
อัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ฟ้องนายธนิตศักดิ์ โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลย กับจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีดำที่ 208ก./2558 ของศาลทหารกรุงเทพ และจำเลยที่ 1, 2, 7-12 ในคดีแดงที่ 177ก./2558 ของศาลทหารกรุงเทพ (คดีแชร์คลิปบรรพต) และพวกอีก 1 คน ที่หลบหนี ได้ร่วมกันกระทำผิดต่อพระมหากษัตริย์ อันเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาคดีของศาลทหารตามประกาศ คสช.ที่ 37/2557 และ 38/2557 กล่าวคือ
ระหว่างปี 2553 ถึงวันที่ 28 ม.ค. 2558 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับจำเลยอื่น ๆ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ได้แบ่งหน้าที่กันกระทำผิดในลักษณะเป็นขบวนการ กล่าวคือ จำเลยที่ 7 ในคดีแดงที่ 177ก./2558 ได้จัดทำคลิปข้อความเสียงของตน โดยใช้นามแฝงว่า "บรรพต" ซึ่งในคลิปมีถ้อยคำตอนหนึ่งมีลักษณะดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในเว็บไซต์ MEDIAFIRE.COM อันเป็นเว็บไซต์สาธารณะที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ จากนั้น จำเลยซึ่งเป็นสมาชิกในกลุ่มของจำเลยที่ 7 ในคดีแดงที่ 177ก./2558 ทราบถึงการกระทำของจำเลยที่ 7 ในคดีแดงที่ 177ก./2558 ได้ทำการดาวน์โหลดคลิปดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในเว็บไซต์ MEDIAFIRE.COM นำมาเผยแพร่ลงใน facebook.com, banpodjthailandclips.simplesite.com และ OKTHAI.COM ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าคลิปดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ทั้งนี้ คลิปเสียงดังกล่าวยังปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ OKTHAI.COM ตลอดมาจนถึงวันที่ 28 ม.ค. 2558 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบคลิปดังกล่าว ซึ่งเมื่อเจ้าพนักงานและประชาชนทั่วไปได้รับฟังถ้อยคำพูดในคลิปข้อความเสียงดังกล่าว ย่อมเข้าใจได้ว่าข้อความดังกล่าวหมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฯ พระมหากษัตริย์ โดยประการที่น่าจะทำให้พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฯ พระมหากษัตริย์ อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยประการที่น่าจะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ และทรงถูกดูหมิ่น เกลียดชัง โดยเจตนาจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาไม่เคารพสักการะ
(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลทหารกรุงเทพ คดีหมายเลขดำที่ 210ก./2558 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2558)
ระหว่างปี 2553 ถึงวันที่ 28 ม.ค. 2558 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับจำเลยอื่น ๆ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ได้แบ่งหน้าที่กันกระทำผิดในลักษณะเป็นขบวนการ กล่าวคือ จำเลยที่ 7 ในคดีแดงที่ 177ก./2558 ได้จัดทำคลิปข้อความเสียงของตน โดยใช้นามแฝงว่า "บรรพต" ซึ่งในคลิปมีถ้อยคำตอนหนึ่งมีลักษณะดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในเว็บไซต์ MEDIAFIRE.COM อันเป็นเว็บไซต์สาธารณะที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ จากนั้น จำเลยซึ่งเป็นสมาชิกในกลุ่มของจำเลยที่ 7 ในคดีแดงที่ 177ก./2558 ทราบถึงการกระทำของจำเลยที่ 7 ในคดีแดงที่ 177ก./2558 ได้ทำการดาวน์โหลดคลิปดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในเว็บไซต์ MEDIAFIRE.COM นำมาเผยแพร่ลงใน facebook.com, banpodjthailandclips.simplesite.com และ OKTHAI.COM ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าคลิปดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ทั้งนี้ คลิปเสียงดังกล่าวยังปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ OKTHAI.COM ตลอดมาจนถึงวันที่ 28 ม.ค. 2558 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบคลิปดังกล่าว ซึ่งเมื่อเจ้าพนักงานและประชาชนทั่วไปได้รับฟังถ้อยคำพูดในคลิปข้อความเสียงดังกล่าว ย่อมเข้าใจได้ว่าข้อความดังกล่าวหมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฯ พระมหากษัตริย์ โดยประการที่น่าจะทำให้พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฯ พระมหากษัตริย์ อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยประการที่น่าจะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ และทรงถูกดูหมิ่น เกลียดชัง โดยเจตนาจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาไม่เคารพสักการะ
(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลทหารกรุงเทพ คดีหมายเลขดำที่ 210ก./2558 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2558)
ความคืบหน้าของคดี
-
วันที่: 27-04-2015นัด: แจ้งข้อกล่าวหาหลังธนิตศักดิ์ถูกจับกุมและนำตัวไปขังที่ สน.ทุ่งสองห้อง รวม 2 คืน ตำรวจได้ควบคุมตัวธนิตศักดิ์จาก สน.ทุ่งสองห้อง ไปแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนที่ ปอท. โดยไม่มีทนายความเข้าร่วมรับฟัง พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาธนิตศักดิ์ว่า หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 โดยกล่าวหาว่า ธนิตศักดิ์เป็นสมาชิก "เครือข่ายบรรพต" และมีส่วนร่วมในขบวนการเผยแพร่คลิปเสียงของ "บรรพต" ในเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ โดยคลิปเสียงเหล่านั้นมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทประมหากษัตริย์ฯ ธนิตศักดิ์ให้การรับสารภาพ
หลังสอบปากคำ พนักงานสอบสวน ปอท.ควบคุมตัวธนิตศักดิ์ไปศาลทหารกรุงเทพเพื่อขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ศาลอนุญาตให้ฝากขัง และธนิตศักดิ์ถูกคุมตัวไปขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยไม่ยื่นประกันตัว -
วันที่: 17-07-2015นัด: ยื่นฟ้องหลังฝากขังครบ 7 ผัด อัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธนิตศักดิ์ต่อศาลทหารกรุงเทพ กล่าวหาว่า กระทำผิดฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และร่วมกันเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14
(อ้างอิง: คำฟ้อง ศาลทหารกรุงเทพ เลขคดีดำที่ 210ก./2558 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2558) -
วันที่: 28-12-2015นัด: ถามคำให้การก่อนเริ่มสอบคำให้การอัยการทหารแถลงขอให้ศาลพิจารณาเป็นการลับ เนื่องจากอาจมีถ้อยคำที่กระทบความมั่นคง ศาลอนุญาตตามร้องขอ ญาติและผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดจึงต้องออกจากห้องพิจารณาคดี
จากนั้น ศาลอ่านฟ้องให้ฟังและถามคำให้การ ธนิตศักดิ์ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องทุกประการ และไม่ประสงค์จะต่อสู้คดีเพื่อเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีของศาล โดยก่อนหน้านี้ทนายจำเลยได้ยื่นร้องประกอบคำรับสารภาพต่อศาลไว้แล้ว ศาลจึงอ่านคำพิพากษาในวันเดียวกันนี้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และร่วมกันเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3),(5) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ อันเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 8 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 ปี
ตามที่จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกนั้น ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลลงโทษจำเลยในสถานเบาไปตามสภาพความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยได้กระทำแล้ว ส่วนคำขอให้รอการลงโทษนั้น เนื่องจากศาลลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 3 ปี จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ศาลจะรอการลงโทษให้ได้ จึงให้ยกคำขอของจำเลยในส่วนนี้
(อ้างอิง: คำพิพากษา ศาลทหารกรุงเทพ คดีหมายเลขดำที่ 210ก./2558 คดีหมายเลขแดงที่ 262ก./2558 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2558)
คำพิพากษาของศาลทหารกรุงเทพมีผลให้คดีถึงที่สุดโดยจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์และฎีกา เนื่องจากการกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง เกิดขึ้นในช่วงที่มีการประกาศกฎอัยการศึก
คดีนี้ยังมีข้อสังเกตด้วยว่า ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาลับ โดยในนัดดังกล่าวมีการอ่านคำพิพากษาด้วย ทำให้การอ่านคำพิพากษาเป็นไปอย่างปิดลับ ไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 188 ซึ่งระบุว่า “คำพิพากษาหรือคำสั่งมีผลตั้งแต่วันที่ได้อ่านในศาลโดยเปิดเผยเป็นต้นไป”
ทั้งนี้ คำร้องประกอบการรับสารภาพของธนิตศักดิ์ที่ขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกนั้น ระบุเหตุผลว่า เนื่องจากจำเลยเป็นพลเรือน มีความประพฤติดี ประกอบอาชีพโดยสุจริตมาโดยตลอดมีความรู้ความสามารถ และไม่เคยกระทำผิดมาก่อน อีกทั้งจำเลยป่วยเป็นโรคติดเชื้อที่ปอด ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายได้ และจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แม้เรือนจำจะมีโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ทางโรงพยาบาลไม่มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ตลอดจนอุปกรณ์ตรวจรักษาโรคดังกล่าว ทำให้จำเลยไม่อาจเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 10
คำร้องของจำเลยยังบรรยายด้วยว่า จำเลยไม่ได้มีจิตเป็นอาชญากร การรอการลงโทษจำเลยจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า อีกทั้งในอดีตนั้น อัตราโทษในการกระทำความผิดตามฐานความผิดนี้ ไม่ได้มีความร้ายแรงเท่ากับปัจจุบัน เช่นเดียวกับอัตราโทษในปัจจุบันในประเทศต่าง ๆ ที่ยังคงธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ยิ่งไปกว่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เคยมีพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2558 สรุปความว่า การดำเนินคดีและลงโทษจำคุกผู้ที่วิจารณ์หรือละเมิดพระมหากษัตริย์ ทำให้พระมหากษัตริย์เดือนร้อนหลายทาง
(อ้างอิง: คำร้องประกอบคำรับสารภาพ ศาลทหารกรุงเทพ คดีหมายเลขดำที่ 210ก./2558 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2558)
สถานะ การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว หรือ ผลการพิพากษา
ชั้นสอบสวน
ผู้ถูกดำเนินคดี :
นายธนิตศักดิ์
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-
ศาลชั้นต้น
ผู้ถูกดำเนินคดี :
นายธนิตศักดิ์
ชื่อองค์คณะผู้พิพากษา :
- พันเอก โฆษนันทน์ สุทัศน์ ณ อยุธยา
ผลการพิพากษา
ลงโทษ
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-
พิพากษาวันที่ :
28-12-2015
แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์