สรุปความสำคัญ

นายสม้คร (สงวนนามสกุล) ชายชาวนาซึ่งป่วยเป็นจิตเภท ถูกจับกุมบริเวณซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้าน ในอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย โดยในบริเวณนั้นมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถถูกทำลาย เขาถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์,ทำให้เสียทรัพย์ และพาอาวุธไปในที่สาธารณะ สมัครให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและสอบสวน โดยไม่มีทนายเข้าร่วม และถูกคุมขังในเรือนจำตลอดมา เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ยื่นประกันตัว

คดีนี้ถูกพิจารณาในศาลทหารตามประกาศ คสช. ในชั้นศาล สมัครรับสารภาพว่าทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ แต่ไม่มีเจตนา เป็นเพราะภาวะป่วยของเขา แต่เนื่องจากศาลทหารไม่มีกระบวนการสืบเสาะเหมือนศาลยุติธรรม การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดโดยเหตุผลอื่นเช่นนี้ ทำให้อัยการทหารต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบ และด้วยความล่าช้าของกระบวนการสืบพยานในศาลทหาร ซึ่งผ่านไป 8 เดือน ยังไม่เสร็จ ขณะที่เขาถูกขังอยู่ตลอดเวลา สมัครจึงขอรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะต้องการให้คดีเสร็จสิ้นโดยเร็ว กรณีนี้จึงสะท้อนปัญหาของศาลทหารได้ชัดเจน ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมของผู้ถูกดำเนินคดี

สมัครยังนับเป็นผู้ป่วยทางจิตรายแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 ซึ่งเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางภายหลังการรัฐประหาร

ข้อมูลการละเมิด

  • ผู้ถูกละเมิด
    • สมัคร
  • ประเด็นการละเมิดสิทธิ
    • สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
  • รูปแบบการละเมิดสิทธิ
    • จับกุม / ควบคุมตัว
  • ผู้ละเมิด
    • ตำรวจ
    • ฝ่ายปกครอง

พฤติการณ์การละเมิด

8 กรกฎาคม 2557 เวลาราว 20.00 น. ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ตำบลปล้อง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ได้รับแจ้งว่ามีบุคคลกำลังทำลายพระบรมฉายาลักษณ์อยู่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน จึงได้เดินทางออกไปดู เมื่อเห็นบุคคลกำลังกระทำการดังกล่าวในที่เกิดเหตุจริง จึงได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ต่อมา ตำรวจสายตรวจในพื้นที่พร้อมผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จึงได้ร่วมกันเข้าจับกุมบุคคลดังกล่าว ทราบต่อมาว่าคือนายสมัคร ก่อนควบคุมตัวนายสมัครไปยังสถานีตำรวจภูธรเทิง ทำบันทึกจับกุม และแจ้งข้อกล่าวหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ สมัครให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้เป็นกระทำการทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าวจริง

9 กรกฎาคม 2557 สมัครถูกนำตัวไปศาลจังหวัดทหารบกเชียงรายเพื่อขออำนาจศาลฝากขัง และถูกคุมขังในเรือนจำจังหวัดเชียงรายเรื่อยมานับแต่นั้น คดีถูกส่งฟ้องต่อศาลทหารเมื่อวันที่ 30 กันยายน 57 ในข้อหาความผิดตามมาตรา 112 และความผิดฐานพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะหรือหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร

สมัครมีประวัติการรักษาอาการทางจิตมาเป็นเวลาหลายปี เขามีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน หวาดระแวง แพทย์ลงความเห็นว่า เขามีสติปัญญาบกพร่อง เขาเล่าให้ฟังในภายหลังว่า ได้ดื่มสุราช่วงเย็นวันเกิดเหตุ และกระทำการต่างๆ ไปโดยไม่รู้สึกตัว ในช่วงถูกคุมขัง สมัครจึงถูกนำตัวไปอยู่ที่แดนพยาบาลภายในเรือนจำตลอดมา และยังต้องกินยารักษาอาการวันละสามมื้อทุกๆ วัน

(อ้างอิง: บันทึกการจับกุม สภ.เทิง ลงวันที่ 8 ก.ค. 2557 และ https://tlhr2014.wordpress.com/2015/08/05/samak_112/)

สถานะของเรื่อง

วันที่ : 30-09-2014
อัยการศาลจังหวัดทหารบกเชียงรายยื่นฟ้องนายสมัครเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดทหารบกเชียงรายในข้อหา หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์, ทำให้เสียทรัพย์ และพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะหรือหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 358 และ 371
 
วันที่ : 11-12-2014
นัดถามคำให้การ นายสมัครตัดสินใจให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา โดยได้ยื่นคำร้องประกอบคำรับสารภาพ ระบุว่า จำเลยกระทำผิดไปโดยเหตุที่อยู่ในภาวะป่วยเป็นจิตเภท มีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน หวาดระแวง ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่า จำเลยมีสติปัญญาบกพร่อง โดยมีเอกสารความเห็นของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประกอบ จำเลยไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ฯ การพิพากษาลงโทษทางอาญาแก่ผู้ป่วยที่บกพร่องทางจิต ไม่เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม จึงขอให้ศาลยกฟ้อง ให้รอการลงโทษ หรือรอการกำหนดโทษ เพื่อให้โอกาสจำเลยไปทำการรักษาอาการป่วยต่อไป

อัยการทหารแถลงคัดค้านคำร้องดังกล่าว ระบุว่า จำเลยไม่ได้รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ทั้งหมด จึงจะขอนำพยานหลักฐานเข้าสืบ
 
วันที่ : 10-07-2015
นัดสืบพยานโจทก์ปากที่ 5 จำเลยตัดสินใจกลับคำให้การ ยอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหา เหตุเพราะไม่สามารถทนรอสืบพยานอีกต่อไปได้ ต้องการให้คดีเสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยมีความรู้สึกเครียดจากการต้องใช้เวลาสืบพยานยาวนาน ต้องคอยคิดตลอดว่าจะไปศาลวันไหนบ้าง
โจทก์ไม่ติดใจสืบพยานแล้ว ศาลจึงให้งดการสืบพยาน และนัดหมายฟังคำพิพากษาในวันที่ 6 สิงหาคม 58
 
วันที่ : 06-08-2015
ศาลจังหวัดทหารบกเชียงราย นัดฟังคำพิพากษา ในคดีของนายสมัคร โดยศาลมีคำพิพากษา เห็นว่าจำเลยมีความผิดใน 2 ข้อหา คือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้ลงโทษจำคุก 10 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 5 ปี และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ฐานพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะ ให้ลงโทษปรับ 100 บาท ให้การรับสารภาพจึงลดโทษปรับเหลือ 50 บาท รวมแล้วเป็นโทษจำคุก 5 ปี และปรับ 50 บาท มีดของกลางให้ริบไว้
 
วันที่ : 15-04-2017
สมัครพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวในช่วงเดือนเมษายน 2560 รวมเวลาถูกคุมขังประมาณ 2 ปี 9 เดือน

ภูมิหลัง

  • สมัคร
    เกษตรกรอำเภอเทิง จังหวัดเชียงรายโดยกำเนิด มีฐานะค่อนข้างยากจน มีรายได้จากการทำนาและปลูกข้าวโพดบนที่ดินราว 5 ไร่ และรับจ้างทั่วไปในหมู่บ้าน สมัยยังหนุ่มเคยไปทำงานก่อสร้างในพื้นที่อื่น ก่อนกลับมาอาศัยอยู่เพียงลำพังในหมู่บ้าน โดยแยกทางกับภรรยาหลายปีแล้ว มีลูกชายด้วยกันสองคน อายุ 27 แล 25 ปี ตามลำดับ โดยต่างเข้าไปทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ และยังน้องชายอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน

    สมัครไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อน ไม่เคยไปร่วมชุมนุมทางการเมืองใด ๆ สมัครยังมีประวัติการรักษาอาการทางจิตมาเป็นเวลาหลายปี เขาเล่าว่าหลายปีก่อน ตัวเองเคยมีอาการหวาดผวา กลัวคนจะเข้ามาทำร้ายอยู่ตลอดเวลา จนต้องไปรักษาอาการที่โรงพยาบาล จำได้ว่าเคยถูกมัดด้วยเชือกกับเตียงเพื่อรักษาด้วย ปัจจุบันอาการหวาดผวานี้หายไปแล้ว แต่ยังคงมีอาการหูแว่วอยู่เรื่อยมา มักเกิดขึ้นเมื่ออยู่คนเดียว คล้ายมีคนมากระซิบเรียกชื่อเขาอยู่ข้างหูตลอดเวลา หรือบางทีก็มีเสียงคนจับกลุ่มพูดกันข้างหู ทั้งที่ไม่มีใคร บางทีต้องผวาตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อเขา อาการเหล่านี้ทำให้เขาทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้ค่อนข้างเชื่องช้า

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์