สรุปความสำคัญ
18 ก.ค. 2563 #เยาวชนปลดแอก จัดชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก ถือเป็นการชุมนุมขนาดใหญ่ครั้งแรกหลังการรัฐประหาร ปี 2557 ท่ามกลางความพยายามปิดกั้นของเจ้าหน้าที่ด้วยมาตรการต่างๆ ตั้งแต่ก่อนเริ่มชุมนุม โดยผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชน, ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา ข้อเรียกร้องดังกล่าวนี้ได้รับการขานรับจากประชาชนจนกระทั่งเกิดการชุมนุมขนานใหญ่ในแทบทุกจังหวัดตามมา เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าว
หลังการชุมนุมผู้ปราศรัย ผู้เข้าร่วมชุมนุม ตลอดจนนักดนตรีมีร่วมแสดงบนเวทีปราศรัย ถูกตำรวจออกหมายจับข้อหา ยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และจับกุมรวม 14 ราย รวมทั้งออกหมายเรียกในข้อหา มั่วสุมก่อความวุ่นวาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 15 ราย แต่ไม่พบว่า รัฐบาลจะตอบสนองข้อเรียกร้องเหล่านี้ของประชาชน
หลังการชุมนุมผู้ปราศรัย ผู้เข้าร่วมชุมนุม ตลอดจนนักดนตรีมีร่วมแสดงบนเวทีปราศรัย ถูกตำรวจออกหมายจับข้อหา ยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และจับกุมรวม 14 ราย รวมทั้งออกหมายเรียกในข้อหา มั่วสุมก่อความวุ่นวาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 15 ราย แต่ไม่พบว่า รัฐบาลจะตอบสนองข้อเรียกร้องเหล่านี้ของประชาชน
ข้อมูลการละเมิด
ครั้งที่ : 1
วันที่ : 07-08-2020
-
ผู้ถูกละเมิด
- อานนท์ นำภา
- ภาณุพงศ์ จาดนอก
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพในการชุมนุม
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ตำรวจ
ครั้งที่ : 1
วันที่ : 14-08-2020
-
ผู้ถูกละเมิด
- พริษฐ์ ชิวารักษ์
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพในการชุมนุม
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ตำรวจ
ครั้งที่ : 1
วันที่ : 19-08-2020
-
ผู้ถูกละเมิด
- บารมี ชัยรัตน์
- สุวรรณา ตาลเหล็ก
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพในการชุมนุม
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ตำรวจ
ครั้งที่ : 1
วันที่ : 20-08-2020
-
ผู้ถูกละเมิด
- กรกช แสงเย็นพันธ์
- ณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์
- ธนายุทธ ณ อยุธยา
- ทศพร สินสมบุญ
- เดชาธร บำรุงเมือง
- ธานี สะสม
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพในการชุมนุม
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ตำรวจ
ครั้งที่ : 1
วันที่ : 26-08-2020
-
ผู้ถูกละเมิด
- ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี
- ภานุมาศ สิงห์พรม
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพในการชุมนุม
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ตำรวจ
ครั้งที่ : 1
วันที่ : 01-09-2020
-
ผู้ถูกละเมิด
- น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพในการชุมนุม
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ตำรวจ
ครั้งที่ : -
วันที่ : 06-10-2021
-
ผู้ถูกละเมิด
- เนตรนภา อำนาจส่งเสริม หรือ “ไนซ์”
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพการแสดงออก
- เสรีภาพในการรวมกลุ่ม
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จำกัดเสรีภาพในการแสดงออก/เคลื่อนไหว/รวมกลุ่ม
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ตำรวจ
พฤติการณ์การละเมิด
18 ก.ค. 2563 กลุ่มนักศึกษาและประชาชน รวมตัวกันชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่ถนนราชดำเนิน ในนาม “เยาวชนปลดแอก” (Free Youth) ก่อนการชุมนุมตลอดทั้งวันมีเหตุการณ์สกัดกั้นทั้งด้วยกำลังและกฎหมายจากเจ้าหน้าที่
ช่วงเช้า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีความเป็นห่วงเป็นใยกลุ่มบุคคลและเยาวชนที่จะออกมาแสดงความเคลื่อนไหวในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่อยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ซึ่งสิ่งที่นักศึกษาทำอาจถือเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้
14.15 น. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ปรากฏรั้วเหล็กล้อมรอบ เจ้าหน้าที่ กทม. ได้นำต้นไม้มาตกแต่งฐานอนุสาวรีย์จนเต็มพื้นที่ จากนั้นขยายขอบเขตของรั้วเหล็กออกไปเรื่อยๆ เพื่อปิดกั้นไม่ให้ผู้ประชาชนเข้าใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยได้ ตำรวจนำรถเครื่องขยายเสียงเข้ามาประชิดกับกลุ่มผู้ชุมนุม และเปิดเครื่องเสียงแทรกตลอดกิจกรรม ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบทยอยเสริมกำลังเข้าพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ฯ มีทั้งตำรวจจาก สน.สำราญราษฎร์ สืบสวนนครบาล และกลุ่มชายผมเกรียนสวมเสื้อโปโลสีเหลืองมีข้อความ “COMMANDO”
16.40 น. พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สน. สำราญราษฎร์ ได้อ่านข้อกฎหมายผ่านเครื่องขยายเสียง แจ้งถึงสถานการณ์โควิดที่กำลังแพร่ระบาด ขอให้เว้นระยะห่าง ใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท รวมถึงอ่านข้อกฎหมายอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.การจราจรฯ และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ แต่ถูกประชาชนเข้าล้อมรถเครื่องเสียงของตำรวจเพื่อเรียกร้องให้ปิดเครื่องเสียง ส่งเสียงตะโกนโห่ร้อง “ออกไปๆ” ตลอดเวลา บางส่วนยืนชู 3 นิ้ว หน้าแถวของเจ้าหน้าที่ และเข้าไปต่อว่าเจ้าหน้าที่โดยตรง
ช่วงค่ำ ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการกลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้ขึ้นปราศรัยบนเวที กล่าวถึง 3 ข้อเรียกร้อง นั่นคือ 1. ประกาศยุบสภา 2. หยุดคุกคามประชาชน 3. เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการชุมนุมในครั้งนี้ นักกิจกรรมผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย โดยขณะอานนท์ นำภา ปราศรัยอยู่ได้กล่าวแก่ผู้ชุมนุมว่า มีตำรวจอยู่บนอาคารเรียนโรงเรียนสตรีวิทยา ขอให้ตำรวจรายนั้นลงมา หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้จับตาเจ้าหน้าที่ที่เข้าออกโรงเรียนสตรีวิทยาไว้ตลอดเวลา
ในช่วงค่ำ ปรากฏรถฉีดน้ำควบคุมฝูงชนจอดใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมทั้งตำรวจควบคุมฝูงชน ขณะรถเครื่องเสียงของผู้ชุมนุมคันหนึ่งถูกตำรวจยึดไป ปิยรัฐ จงเทพ (โตโต้) อาสาไปเอาเครื่องเสียงคืนจาก สน.ชนะสงคราม โดยมีอาสาสมัครกว่า 20 คน ร่วมเดินทางไปด้วย ก่อนพบรถเครื่องเสียงที่ สน.ตลิ่งชัน คนขับรถแจ้งว่า ตำรวจจะคืนรถให้โดยไม่แจ้งข้อหาใด แต่ห้ามนำรถกลับเข้าพื้นที่ชุมนุม โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย
21.24 น. เกิดเหตุความวุ่นวายขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบพยายามเข้าควบคุมตัวเยาวชนผู้ชูแผ่นป้ายข้อความสุ่มเสี่ยงจากบริเวณใกล้ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ไปเต็นท์บัญชาการใกล้เวที แต่ผู้ชุมนุมโดยรอบเข้าป้องกันเยาวชนคนดังกล่าวออกมาได้สำเร็จ จนสถานการณ์ชุมนุมกลับมาสงบอีกครั้ง ขณะที่บนเวทีปราศรัย แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอกประกาศจะชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนถึง 8.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
ราว 23.35 น. เริ่มพบรถตู้ตำรวจไม่ต่ำกว่า 20 คัน เข้าสู่พื้นที่และจอดอยู่รายรอบบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมการแพร่สะพัดของกระแสข่าวเรื่องการสลายการชุมนุมภายในคืนนี้ ตามมาด้วยการประกาศพักเวทีชั่วคราว จนกระทั่งราว 24.05 น. ตัวแทนกลุ่มเยาวชนปลดแอกและ สนท. ประกาศยกเลิกการปักหลักค้างคืน โดยประกาศจบกิจกรรม “เพื่อความปลอดภัย” แต่ได้ย้ำเตือนว่ายังคงให้เวลารัฐบาล 2 สัปดาห์ ในการดำเนินการตาม 3 ข้อเรียกร้อง (https://tlhr2014.com/?p=19562)
หลังการชุมนุม ผู้ปราศรัยและผู้เข้าร่วมกิจกรรมของ “เยาวชนปลดแอก” ถูกออกหมายจับและติดตามจับกุมดำเนินคดีรวม 14 ราย
7 ส.ค. 2563 เวลาประมาณ 14.00 น. อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรม ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 8 นาย เข้าแสดงหมายจับบริเวณหน้าที่พักในกรุงเทพฯ กลุ่มเจ้าหน้าที่ได้เข้าแสดงหมายจับที่ 1176/2563 ออกโดยศาลอาญา ลงวันที่ 6 ส.ค. 2563 โดยมี พ.ต.ท.หญิงจิตติมา ธงไชย พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เป็นผู้ขอออกหมายจับ ใน 8 ข้อหา ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 385, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.จราจรฯ, พ.ร.บ.ความสะอาด และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณา
ในเวลาใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง” นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และสมาชิกกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายจับออกโดยศาลอาญา เช่นเดียวกับอานนท์ ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่าเคยมีการออกหมายเรียกให้เข้าพบกับพนักงานสอบสวนมาก่อน (https://tlhr2014.com/?p=20236)
14 ส.ค. 2563 เวลาประมาณ 16.20 น. บริเวณย่านเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” นักศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ถูกชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถเข้าปาดหน้าและเข้าล้อมรถของเขาและเพื่อน ก่อนมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ 1 นาย เข้าแสดงตัว นำโดยสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนนครบาล เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายจับของศาลอาญาที่ 1172/2563 ก่อนตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 4 นาย อุ้มตัวพริษฐ์ขึ้นรถยนต์ที่ไม่มีตราสัญลักษณ์ของตำรวจ นำตัวไปทำบันทึกการจับกุมที่ สน.ปากเกร็ด
จากนั้นเวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่นำตัวพริษฐ์มาถึง สน.สำราญราษฎร์ หลังทนายความเดินทางมาถึง ตำรวจได้เริ่มอ่านบันทึกการจับกุม โดยมีการถ่ายวีดิโอเอาไว้ตลอด และยังแจ้งว่าจะย้ายตัวผู้ต้องหาไปแจ้งข้อกล่าวหาที่ สน.ตลิ่งชัน แต่พริษฐ์และทนายความยืนยันที่จะให้แจ้งข้อหาที่ สน.สำราญราษฎร์ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ (https://tlhr2014.com/?p=20395)
19 ส.ค. 2563 เวลาประมาณ 21.36 น. บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศ ตำรวจได้เข้าแสดงหมายจับ “บารมี ชัยรัตน์” เลขาธิการของสมัชชาคนจน หนึ่งในผู้ปราศรัยในการชุมนุม #เยาวชนปลดแอก ก่อนนำตัวไปยัง สน.สำราญราษฎร์ ทันที จัดทำบันทึกการจับกุม โดยทนายความที่ติดตามมายังไม่สามารถเข้าไปในห้องสอบสวนได้ เมื่อทนายความได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องสอบสวน พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่บารมี ชัยรัตน์ ใน 8 ข้อหา เช่นเดียวกับคนอื่น บารมีให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
23.50 น. ประชาชนที่มีรายชื่อถูกดำเนินคดีจากการเข้าร่วมชุมนุมเยาวชนปลดแอก ได้แก่ “ฟอร์ด” ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี กลุ่มประชาชนปลดแอก, ภานุมาศ สิงห์พรม นักศึกษา, กรกช แสงเย็นพันธุ์ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) และสุวรรณา ตาลเหล็ก กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เดินทางมาถึงหน้า สน.สำราญราษฎร์ สุวรรณาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าถ้ามีหมายจับ ก็ขอให้ตำรวจนำมาแสดงดีๆ ไม่ควรแสดงในยามวิกาล อีกทั้งตนก็ไม่ได้คิดหลบหนี จนกระทั่งตำรวจได้เข้ามาแสดงตัวและอ่านหมายจับให้สุวรรณาฟัง และนำตัวเข้าไปใน สน.สำราญราษฎร์ ส่วนอีก 3 คน ตำรวจยังไม่นำหมายจับมาแสดงแต่อย่างใด
เวลา 00.30 น. ตำรวจได้แสดงหมายจับต่อกรกช แสงเย็นพันธุ์ และนำตัวเข้าไปใน สน. ทำบันทึกจับกุมและและแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งสามคนได้ยื่นประกันในชั้นตำรวจ แต่ ผกก.สน.สำราญราษฎร์ มีคำสั่งไม่ให้ประกัน ทำให้ทั้งสามถูกควบคุมตัวในห้องขัง 1 คืน โดยพนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังในตอนเช้า
เวลา 8.20 น. มีรายงานอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวเดชาธร บำรุงเมือง หรือ “ฮอคกี้” (Hockhacker) แร็ปเปอร์จากวง Rap Against Dictatorship (RAD) ที่หน้าบ้านพัก ขณะกำลังจะออกเดินทางไปส่งภรรยาไปทำงาน และมีลูกเล็กอยู่ด้วยขณะจับกุม ก่อนจะนำตัวเดชาธรไปทำบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ และพาตัวไปยัง สน.สำราญราษฏร์
9.46 น. ทศพร สินสมบุญ ผู้มีรายชื่อการถูกดำเนินคดีจากการร่วมชุมนุม “เยาวชนปลดแอก” อีกรายหนึ่ง ระบุว่าได้มีชุดเจ้าหน้าที่เข้าไปที่บ้านพักของตนเพื่อทำการจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ขณะเดียวกัน ธานี สะสม ถูกจับกุมที่บริเวณซอยรางน้ำ และณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์ ถูกเจ้าหน้าที่หลายสิบนายเข้าแสดงหมายจับ ขณะขับรถบนทางด่วน เพื่อไปมอบตัว ทั้งสามถูกควบคุมตัวไป สน.สำราญราษฎร์ โดยในตอนแรกตำรวจไม่อนุญาตให้ทนายความที่ติดตามมาเข้าไปด้านในห้องสอบสวน อ้างว่าผู้ต้องหามีทนายแล้ว และด้านในมีคนเยอะ ก่อนที่ต่อมาจะอนุญาตให้ทนายติดตามเข้าไป
ในขณะที่ “โตโต้” นายปิยรัฐ จงเทพ นักกิจกรรม ที่เดินทางพร้อมกับหมายเรียกพยานจากกรณีชุมนุมเยาวชนปลดแอก เช่นกัน ได้ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปในสถานีตำรวจเช่นกัน โดยหมายเรียกพยานระบุให้มาพบตำรวจวันที่ 21 ส.ค. แต่เนื่องจากเขาไม่ว่าง จึงมาในวันนี้แทน แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานีตำรวจ
พนักงานสอบสวนจะทำบันทึกตรวจยึดโทรศัพท์ทศพรด้วย ผู้ต้องหาแจ้งว่าไม่ยินยอมให้ยึด เนื่องจากตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เจ้าหน้าที่ต้องแสดงหมายจากศาลก่อน ขณะเดียวกันธนายุทธ ณ อยุธยา หรือ “บุ๊ค” แร็ปเปอร์วง Elevenfinger วัย 19 ปี ผู้เติบโตในสลัมย่านคลองเตยและได้ขึ้นแร็ปการเมืองในการชุมนุมเยาวชนปลดแอก ถูกนำตัวมาถึง สน.สำราญราษฏร์ หลังถูกจับกุมตามหมายจับอีกราย
พนักงานสอบสวนทำบันทึกจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับกุมทั้ง 5 ราย ก่อนนำตัวไปขออำนาจฝากขังที่ศาลอาญา ทั้งหมดร่วมกันชูสามนิ้ว ประชาชนตะโกนให้กำลังใจว่า “สู้ๆ” (https://tlhr2014.com/?p=20540)
26 ส.ค. 2563 ประมาณ 12.00 น. “ฟอร์ด” ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการเยาวชนปลดแอก และ “เจมส์” ภานุมาศ สิงห์พรม นักกิจกรรมทางการเมืองและผู้ร่วมก่อตั้ง “เยาวชนปลดแอก” และ “คณะประชาชนปลดแอก” ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าแสดงหมายจับและจับกุมตัวย่านที่พักในจังหวัดนนทบุรี ในขณะที่ทัตเทพกำลังจะเดินทางไปร่วมงานเสวนาวิชาการ “เป็นประชารัฐไผทของไทยทุกส่วน” ที่มติชนอคาเดมี จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวทัตเทพและภาณุมาศขึ้นรถกระบะเดินทางไป สน.สำราญราษฎร์ โดยทั้งสองมีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กตลอดเวลา
ทัตเทพได้ตั้งข้อสังเกตผ่านไลฟ์ด้วยว่าหลังจากที่ประชาชนซึ่งมีรายชื่อว่าได้ถูกออกหมายจับไปแสดงตัวที่หน้า สน.สำราญราษฎร์ ภายหลังการชุมนุมประชาชนปลดแอก เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ตำรวจกลับไม่มีการจับกุมพวกตน แต่กลับมาไล่จับทีละคนในภายหลังแทน ทั้งที่มีหมายจับออกมาก่อนหน้านั้นแล้ว
ประมาณ 13.00 น. ทัตเทพและภานุมาศถูกนำตัวมาถึง สน.สำราญราษฎร์ เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เข้าได้แค่ทนายความและผู้ช่วยเข้าไปภายในเท่านั้น หลังตรวจร่างกาย พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 8 ข้อหา เช่นเดียวกับคนอื่นในคดีนี้ กระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนใช้เวลาอย่างรวดเร็วราวไม่ถึง 1 ชั่วโมง จากนั้น 14.30 น. พนักงานสอบสวนได้นำตัวทั้งสองไปศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง (https://tlhr2014.com/?p=20857)
1 ก.ย. 2563 ประมาณ 12.50 น. “อั๋ว” จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ได้ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบขับรถมอเตอร์ไซค์ประกบแกร็บแท็กซี่คันที่เธอกำลังจะนั่งไปเรียน สั่งให้รถหยุด และให้เธอลงจากรถ พร้อมแสดงหมายจับที่ออกโดยศาลอาญา เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะพาเธอไปที่ สน.สําราญราษฎร์ ด้วยรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ แต่จุฑาทิพย์ไม่ยินยอมและต่อรองขอนั่งแท็กซี่ไปแทน ตำรวจจึงนั่งควบคุมตัวไปด้วย จุฑาทิพย์ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก โดยอ่านออกเสียงหนังสือ “สามัญสำนึก” (Common Sense) ไปตลอดทาง
ก่อนหน้านี้ จุฑาทิพย์ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามตัวใกล้ชิดมาตลอด และเธอยังไปแสดงตัวที่หน้า สน.สำราญราษฏร์ ภายหลังการชุมนุม “ประชาชนปลดแอก” เมื่อวันที่ 16 ส.ค. แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมจับกุม เมื่อปลายเดือนสิงหาคม ก็มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามไปถึงย่านที่พัก
หลังถึง สน. สําราญราษฎร์ ตำรวจชุดจับกุมได้ทำบันทึกจับกุม แพทย์ทำการตรวจร่างกายจุฑาทิพย์ ก่อนพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 8 ข้อหา ให้เธอทราบ กระบวนเหล่านี้ใช้เวลาอย่างรวดเร็ว ไม่ถึง 1 ชั่วโมง จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวจุฑาทิพย์ไปศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลฝากขังเธอในชั้นสอบสวน ก่อนขึ้นรถ เธอออกมายืนต่อหน้าสื่อมวลชน บริเวณด้านล่าง สน.สำราญราษฏร์ โดยมือหนึ่งชูหนังสือ “สามัญสำนึก” อีกมือหนึ่งชูสามนิ้วพร้อมผูกโบว์สีขาวไว้ที่ข้อมือ (https://tlhr2014.com/?p=21015)
ช่วงเช้า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีความเป็นห่วงเป็นใยกลุ่มบุคคลและเยาวชนที่จะออกมาแสดงความเคลื่อนไหวในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่อยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ซึ่งสิ่งที่นักศึกษาทำอาจถือเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้
14.15 น. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ปรากฏรั้วเหล็กล้อมรอบ เจ้าหน้าที่ กทม. ได้นำต้นไม้มาตกแต่งฐานอนุสาวรีย์จนเต็มพื้นที่ จากนั้นขยายขอบเขตของรั้วเหล็กออกไปเรื่อยๆ เพื่อปิดกั้นไม่ให้ผู้ประชาชนเข้าใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยได้ ตำรวจนำรถเครื่องขยายเสียงเข้ามาประชิดกับกลุ่มผู้ชุมนุม และเปิดเครื่องเสียงแทรกตลอดกิจกรรม ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบทยอยเสริมกำลังเข้าพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ฯ มีทั้งตำรวจจาก สน.สำราญราษฎร์ สืบสวนนครบาล และกลุ่มชายผมเกรียนสวมเสื้อโปโลสีเหลืองมีข้อความ “COMMANDO”
16.40 น. พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สน. สำราญราษฎร์ ได้อ่านข้อกฎหมายผ่านเครื่องขยายเสียง แจ้งถึงสถานการณ์โควิดที่กำลังแพร่ระบาด ขอให้เว้นระยะห่าง ใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท รวมถึงอ่านข้อกฎหมายอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.การจราจรฯ และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ แต่ถูกประชาชนเข้าล้อมรถเครื่องเสียงของตำรวจเพื่อเรียกร้องให้ปิดเครื่องเสียง ส่งเสียงตะโกนโห่ร้อง “ออกไปๆ” ตลอดเวลา บางส่วนยืนชู 3 นิ้ว หน้าแถวของเจ้าหน้าที่ และเข้าไปต่อว่าเจ้าหน้าที่โดยตรง
ช่วงค่ำ ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการกลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้ขึ้นปราศรัยบนเวที กล่าวถึง 3 ข้อเรียกร้อง นั่นคือ 1. ประกาศยุบสภา 2. หยุดคุกคามประชาชน 3. เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการชุมนุมในครั้งนี้ นักกิจกรรมผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย โดยขณะอานนท์ นำภา ปราศรัยอยู่ได้กล่าวแก่ผู้ชุมนุมว่า มีตำรวจอยู่บนอาคารเรียนโรงเรียนสตรีวิทยา ขอให้ตำรวจรายนั้นลงมา หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้จับตาเจ้าหน้าที่ที่เข้าออกโรงเรียนสตรีวิทยาไว้ตลอดเวลา
ในช่วงค่ำ ปรากฏรถฉีดน้ำควบคุมฝูงชนจอดใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมทั้งตำรวจควบคุมฝูงชน ขณะรถเครื่องเสียงของผู้ชุมนุมคันหนึ่งถูกตำรวจยึดไป ปิยรัฐ จงเทพ (โตโต้) อาสาไปเอาเครื่องเสียงคืนจาก สน.ชนะสงคราม โดยมีอาสาสมัครกว่า 20 คน ร่วมเดินทางไปด้วย ก่อนพบรถเครื่องเสียงที่ สน.ตลิ่งชัน คนขับรถแจ้งว่า ตำรวจจะคืนรถให้โดยไม่แจ้งข้อหาใด แต่ห้ามนำรถกลับเข้าพื้นที่ชุมนุม โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย
21.24 น. เกิดเหตุความวุ่นวายขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบพยายามเข้าควบคุมตัวเยาวชนผู้ชูแผ่นป้ายข้อความสุ่มเสี่ยงจากบริเวณใกล้ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ไปเต็นท์บัญชาการใกล้เวที แต่ผู้ชุมนุมโดยรอบเข้าป้องกันเยาวชนคนดังกล่าวออกมาได้สำเร็จ จนสถานการณ์ชุมนุมกลับมาสงบอีกครั้ง ขณะที่บนเวทีปราศรัย แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอกประกาศจะชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนถึง 8.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
ราว 23.35 น. เริ่มพบรถตู้ตำรวจไม่ต่ำกว่า 20 คัน เข้าสู่พื้นที่และจอดอยู่รายรอบบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมการแพร่สะพัดของกระแสข่าวเรื่องการสลายการชุมนุมภายในคืนนี้ ตามมาด้วยการประกาศพักเวทีชั่วคราว จนกระทั่งราว 24.05 น. ตัวแทนกลุ่มเยาวชนปลดแอกและ สนท. ประกาศยกเลิกการปักหลักค้างคืน โดยประกาศจบกิจกรรม “เพื่อความปลอดภัย” แต่ได้ย้ำเตือนว่ายังคงให้เวลารัฐบาล 2 สัปดาห์ ในการดำเนินการตาม 3 ข้อเรียกร้อง (https://tlhr2014.com/?p=19562)
หลังการชุมนุม ผู้ปราศรัยและผู้เข้าร่วมกิจกรรมของ “เยาวชนปลดแอก” ถูกออกหมายจับและติดตามจับกุมดำเนินคดีรวม 14 ราย
7 ส.ค. 2563 เวลาประมาณ 14.00 น. อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรม ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 8 นาย เข้าแสดงหมายจับบริเวณหน้าที่พักในกรุงเทพฯ กลุ่มเจ้าหน้าที่ได้เข้าแสดงหมายจับที่ 1176/2563 ออกโดยศาลอาญา ลงวันที่ 6 ส.ค. 2563 โดยมี พ.ต.ท.หญิงจิตติมา ธงไชย พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เป็นผู้ขอออกหมายจับ ใน 8 ข้อหา ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 385, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.จราจรฯ, พ.ร.บ.ความสะอาด และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณา
ในเวลาใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง” นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และสมาชิกกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายจับออกโดยศาลอาญา เช่นเดียวกับอานนท์ ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่าเคยมีการออกหมายเรียกให้เข้าพบกับพนักงานสอบสวนมาก่อน (https://tlhr2014.com/?p=20236)
14 ส.ค. 2563 เวลาประมาณ 16.20 น. บริเวณย่านเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” นักศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ถูกชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถเข้าปาดหน้าและเข้าล้อมรถของเขาและเพื่อน ก่อนมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ 1 นาย เข้าแสดงตัว นำโดยสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนนครบาล เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายจับของศาลอาญาที่ 1172/2563 ก่อนตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 4 นาย อุ้มตัวพริษฐ์ขึ้นรถยนต์ที่ไม่มีตราสัญลักษณ์ของตำรวจ นำตัวไปทำบันทึกการจับกุมที่ สน.ปากเกร็ด
จากนั้นเวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่นำตัวพริษฐ์มาถึง สน.สำราญราษฎร์ หลังทนายความเดินทางมาถึง ตำรวจได้เริ่มอ่านบันทึกการจับกุม โดยมีการถ่ายวีดิโอเอาไว้ตลอด และยังแจ้งว่าจะย้ายตัวผู้ต้องหาไปแจ้งข้อกล่าวหาที่ สน.ตลิ่งชัน แต่พริษฐ์และทนายความยืนยันที่จะให้แจ้งข้อหาที่ สน.สำราญราษฎร์ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ (https://tlhr2014.com/?p=20395)
19 ส.ค. 2563 เวลาประมาณ 21.36 น. บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศ ตำรวจได้เข้าแสดงหมายจับ “บารมี ชัยรัตน์” เลขาธิการของสมัชชาคนจน หนึ่งในผู้ปราศรัยในการชุมนุม #เยาวชนปลดแอก ก่อนนำตัวไปยัง สน.สำราญราษฎร์ ทันที จัดทำบันทึกการจับกุม โดยทนายความที่ติดตามมายังไม่สามารถเข้าไปในห้องสอบสวนได้ เมื่อทนายความได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องสอบสวน พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่บารมี ชัยรัตน์ ใน 8 ข้อหา เช่นเดียวกับคนอื่น บารมีให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
23.50 น. ประชาชนที่มีรายชื่อถูกดำเนินคดีจากการเข้าร่วมชุมนุมเยาวชนปลดแอก ได้แก่ “ฟอร์ด” ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี กลุ่มประชาชนปลดแอก, ภานุมาศ สิงห์พรม นักศึกษา, กรกช แสงเย็นพันธุ์ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) และสุวรรณา ตาลเหล็ก กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เดินทางมาถึงหน้า สน.สำราญราษฎร์ สุวรรณาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าถ้ามีหมายจับ ก็ขอให้ตำรวจนำมาแสดงดีๆ ไม่ควรแสดงในยามวิกาล อีกทั้งตนก็ไม่ได้คิดหลบหนี จนกระทั่งตำรวจได้เข้ามาแสดงตัวและอ่านหมายจับให้สุวรรณาฟัง และนำตัวเข้าไปใน สน.สำราญราษฎร์ ส่วนอีก 3 คน ตำรวจยังไม่นำหมายจับมาแสดงแต่อย่างใด
เวลา 00.30 น. ตำรวจได้แสดงหมายจับต่อกรกช แสงเย็นพันธุ์ และนำตัวเข้าไปใน สน. ทำบันทึกจับกุมและและแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งสามคนได้ยื่นประกันในชั้นตำรวจ แต่ ผกก.สน.สำราญราษฎร์ มีคำสั่งไม่ให้ประกัน ทำให้ทั้งสามถูกควบคุมตัวในห้องขัง 1 คืน โดยพนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังในตอนเช้า
เวลา 8.20 น. มีรายงานอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวเดชาธร บำรุงเมือง หรือ “ฮอคกี้” (Hockhacker) แร็ปเปอร์จากวง Rap Against Dictatorship (RAD) ที่หน้าบ้านพัก ขณะกำลังจะออกเดินทางไปส่งภรรยาไปทำงาน และมีลูกเล็กอยู่ด้วยขณะจับกุม ก่อนจะนำตัวเดชาธรไปทำบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ และพาตัวไปยัง สน.สำราญราษฏร์
9.46 น. ทศพร สินสมบุญ ผู้มีรายชื่อการถูกดำเนินคดีจากการร่วมชุมนุม “เยาวชนปลดแอก” อีกรายหนึ่ง ระบุว่าได้มีชุดเจ้าหน้าที่เข้าไปที่บ้านพักของตนเพื่อทำการจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ขณะเดียวกัน ธานี สะสม ถูกจับกุมที่บริเวณซอยรางน้ำ และณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์ ถูกเจ้าหน้าที่หลายสิบนายเข้าแสดงหมายจับ ขณะขับรถบนทางด่วน เพื่อไปมอบตัว ทั้งสามถูกควบคุมตัวไป สน.สำราญราษฎร์ โดยในตอนแรกตำรวจไม่อนุญาตให้ทนายความที่ติดตามมาเข้าไปด้านในห้องสอบสวน อ้างว่าผู้ต้องหามีทนายแล้ว และด้านในมีคนเยอะ ก่อนที่ต่อมาจะอนุญาตให้ทนายติดตามเข้าไป
ในขณะที่ “โตโต้” นายปิยรัฐ จงเทพ นักกิจกรรม ที่เดินทางพร้อมกับหมายเรียกพยานจากกรณีชุมนุมเยาวชนปลดแอก เช่นกัน ได้ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปในสถานีตำรวจเช่นกัน โดยหมายเรียกพยานระบุให้มาพบตำรวจวันที่ 21 ส.ค. แต่เนื่องจากเขาไม่ว่าง จึงมาในวันนี้แทน แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานีตำรวจ
พนักงานสอบสวนจะทำบันทึกตรวจยึดโทรศัพท์ทศพรด้วย ผู้ต้องหาแจ้งว่าไม่ยินยอมให้ยึด เนื่องจากตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เจ้าหน้าที่ต้องแสดงหมายจากศาลก่อน ขณะเดียวกันธนายุทธ ณ อยุธยา หรือ “บุ๊ค” แร็ปเปอร์วง Elevenfinger วัย 19 ปี ผู้เติบโตในสลัมย่านคลองเตยและได้ขึ้นแร็ปการเมืองในการชุมนุมเยาวชนปลดแอก ถูกนำตัวมาถึง สน.สำราญราษฏร์ หลังถูกจับกุมตามหมายจับอีกราย
พนักงานสอบสวนทำบันทึกจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับกุมทั้ง 5 ราย ก่อนนำตัวไปขออำนาจฝากขังที่ศาลอาญา ทั้งหมดร่วมกันชูสามนิ้ว ประชาชนตะโกนให้กำลังใจว่า “สู้ๆ” (https://tlhr2014.com/?p=20540)
26 ส.ค. 2563 ประมาณ 12.00 น. “ฟอร์ด” ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการเยาวชนปลดแอก และ “เจมส์” ภานุมาศ สิงห์พรม นักกิจกรรมทางการเมืองและผู้ร่วมก่อตั้ง “เยาวชนปลดแอก” และ “คณะประชาชนปลดแอก” ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าแสดงหมายจับและจับกุมตัวย่านที่พักในจังหวัดนนทบุรี ในขณะที่ทัตเทพกำลังจะเดินทางไปร่วมงานเสวนาวิชาการ “เป็นประชารัฐไผทของไทยทุกส่วน” ที่มติชนอคาเดมี จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวทัตเทพและภาณุมาศขึ้นรถกระบะเดินทางไป สน.สำราญราษฎร์ โดยทั้งสองมีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กตลอดเวลา
ทัตเทพได้ตั้งข้อสังเกตผ่านไลฟ์ด้วยว่าหลังจากที่ประชาชนซึ่งมีรายชื่อว่าได้ถูกออกหมายจับไปแสดงตัวที่หน้า สน.สำราญราษฎร์ ภายหลังการชุมนุมประชาชนปลดแอก เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ตำรวจกลับไม่มีการจับกุมพวกตน แต่กลับมาไล่จับทีละคนในภายหลังแทน ทั้งที่มีหมายจับออกมาก่อนหน้านั้นแล้ว
ประมาณ 13.00 น. ทัตเทพและภานุมาศถูกนำตัวมาถึง สน.สำราญราษฎร์ เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เข้าได้แค่ทนายความและผู้ช่วยเข้าไปภายในเท่านั้น หลังตรวจร่างกาย พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 8 ข้อหา เช่นเดียวกับคนอื่นในคดีนี้ กระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนใช้เวลาอย่างรวดเร็วราวไม่ถึง 1 ชั่วโมง จากนั้น 14.30 น. พนักงานสอบสวนได้นำตัวทั้งสองไปศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง (https://tlhr2014.com/?p=20857)
1 ก.ย. 2563 ประมาณ 12.50 น. “อั๋ว” จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ได้ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบขับรถมอเตอร์ไซค์ประกบแกร็บแท็กซี่คันที่เธอกำลังจะนั่งไปเรียน สั่งให้รถหยุด และให้เธอลงจากรถ พร้อมแสดงหมายจับที่ออกโดยศาลอาญา เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะพาเธอไปที่ สน.สําราญราษฎร์ ด้วยรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ แต่จุฑาทิพย์ไม่ยินยอมและต่อรองขอนั่งแท็กซี่ไปแทน ตำรวจจึงนั่งควบคุมตัวไปด้วย จุฑาทิพย์ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก โดยอ่านออกเสียงหนังสือ “สามัญสำนึก” (Common Sense) ไปตลอดทาง
ก่อนหน้านี้ จุฑาทิพย์ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามตัวใกล้ชิดมาตลอด และเธอยังไปแสดงตัวที่หน้า สน.สำราญราษฏร์ ภายหลังการชุมนุม “ประชาชนปลดแอก” เมื่อวันที่ 16 ส.ค. แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมจับกุม เมื่อปลายเดือนสิงหาคม ก็มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามไปถึงย่านที่พัก
หลังถึง สน. สําราญราษฎร์ ตำรวจชุดจับกุมได้ทำบันทึกจับกุม แพทย์ทำการตรวจร่างกายจุฑาทิพย์ ก่อนพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 8 ข้อหา ให้เธอทราบ กระบวนเหล่านี้ใช้เวลาอย่างรวดเร็ว ไม่ถึง 1 ชั่วโมง จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวจุฑาทิพย์ไปศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลฝากขังเธอในชั้นสอบสวน ก่อนขึ้นรถ เธอออกมายืนต่อหน้าสื่อมวลชน บริเวณด้านล่าง สน.สำราญราษฏร์ โดยมือหนึ่งชูหนังสือ “สามัญสำนึก” อีกมือหนึ่งชูสามนิ้วพร้อมผูกโบว์สีขาวไว้ที่ข้อมือ (https://tlhr2014.com/?p=21015)
ภูมิหลัง
-
จตุภัทร์ บุญภัทรรักษาอดีตนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นักกิจกรรมกลุ่มดาวดิน และ NDM อีสาน ทำกิจกรรมปกป้องสิทธิของชุมชนท้องถิ่น จนถึงเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหารและ คสช. มาตั้งแต่หลังการรัฐประหาร
-
สุวรรณา ตาลเหล็กผู้ประสานงานกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ผู้รณรงค์ยกเลิกมาตรา 112
-
พริษฐ์ ชิวารักษ์อดีตเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท
-
อานนท์ นำภาจบการศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี 2551 เริ่มเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ปี 2553 ก่อตั้งสำนักงานทนายความราษฎรประสงค์ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน นอกจากนี้ยังเป็นทนายความในเครือข่ายของศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม (ศปช.) สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
-
ชลธิศ โชติสวัสดิ์สมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาเริ่มทำกิจกรรมตั้งปี 1 โดยร่วมกับเพื่อนพรรคโดมปฏิวัติผลักดันประเด็นทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย และเคยทำหน้าที่เป็นเลขาธิการของ สนท. (สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย)
(อ่านเพิ่มเติม: https://tlhr2014.com/archives/24286) -
ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรีจบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันเป็นเลขาธิการกลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free YOUTH)
-
ณวรรษ เลี้ยงวัฒนาเริ่มสนใจการเมืองตั้งแต่การเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส. โดยค่อนข้างเอนเอียงไปกับ กปปส. แต่ด้วยความที่ที่บ้านมีช่องเคเบิ้ลของทั้งเสื้อแดง ทั้งเสื้อเหลือง ทำให้ณวรรษเริ่มตั้งคำถาม
ต้นปี 2563 ที่ณวรรษเพิ่งเรียนจบ กำลังรอรับปริญญา ได้รู้จักนักเคลื่อนไหวหน้าใหม่ เข้าร่วมกลุ่มตลาดหลวง (Royalist Marketplace) ในเฟซบุ๊ก จนชัดเจนกับตัวเองว่าจะอยู่ฝั่งไหน เวลาผ่านไป 2 ปี ณวรรษเปลี่ยนมาสนใจการเมืองขนาดที่กลายเป็นทุกอย่างในชีวิต มองโลกด้วยมุมมองของคนที่เป็นผู้ใหญ่ เข้าใจว่าหลายอย่างในประเทศมันถูกกดทับด้วยโครงสร้างทางการเมือง
(อ่านเพิ่มเติมที่ https://tlhr2014.com/archives/40629)
ผลกระทบจากการละเมิดสิทธิ
-
จตุภัทร์ บุญภัทรรักษาถูกดำเนินคดีอาญาจากการแสดงออกทางการเมืองภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติรวม 6 คดี อีกทั้งถูกจำคุกในคดี ม.112 เป็นเวลาเกือบ 2 ปีครึ่ง
-
ไลลา (นามสมมติ)ไลลาระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ต้องต่อสู้อยู่กับคดีนี้ราวเกือบ 3 ปี ต้องประสบความเครียดและกังวลอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีคดีนี้เป็นชนักอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไปไหนไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้
แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์