สรุปความสำคัญ
นายบุรินทร์ (สงวนนามสกุล) ถูกควบคุมตัวพร้อมประชาชนอีก 15 คน ขณะร่วมกิจกรรม “ยืนเฉย ๆ” ร่วมกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2559 ตำรวจนำตัวไป สน.พญาไท ก่อนที่ทหารจะใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เข้าควบคุมตัวนายบุรินทร์ไปจาก สน.พญาไท โดยไม่แจ้งสาเหตุ หลังจากนั้นอีก 2 วัน ทหารได้ส่งตัวนายบุรินทร์ให้ ปอท. ดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 โดยกล่าวหาว่า เขาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวพาดพิงพระมหากษัตริย์จำนวน 2 ข้อความ ต่อมา ทหารได้เข้าแจ้งความเพิ่มเติมให้ดำเนินคดี น.ส.พัฒน์นรี โดยกล่าวหาว่า มีส่วนร่วมกับนายบุรินทร์ในการกระทำความผิด จากการตอบกลับการสนทนาทางช่องแชทของเฟซบุ๊กกับนายบุรินทร์ด้วยคำว่า "จ้า" ซึ่งถือว่าเป็นการยอมรับและเห็นด้วย
การดำเนินคดีนายบุรินทร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกทหารติดตามความเคลื่อนไหว เนื่องจากมีพฤติกรรมต่อต้าน คสช. และกรณีนี้เขาเพียงแต่ใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็น รวมทั้งดำเนินคดีพัฒน์นรี ซึ่งเป็นแม่ของ "จ่านิว" นักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. ด้วยการกระทำที่ไม่เข้าองค์ประกอบความผิด จึงเป็นการใช้มาตรา 112 ดำเนินคดีเพื่อข่มขู่ประชาชนให้หวาดกลัว และหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน คสช. อย่างชัดเจน
การดำเนินคดีนายบุรินทร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกทหารติดตามความเคลื่อนไหว เนื่องจากมีพฤติกรรมต่อต้าน คสช. และกรณีนี้เขาเพียงแต่ใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็น รวมทั้งดำเนินคดีพัฒน์นรี ซึ่งเป็นแม่ของ "จ่านิว" นักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. ด้วยการกระทำที่ไม่เข้าองค์ประกอบความผิด จึงเป็นการใช้มาตรา 112 ดำเนินคดีเพื่อข่มขู่ประชาชนให้หวาดกลัว และหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน คสช. อย่างชัดเจน
ข้อมูลการละเมิด
ครั้งที่ : 1
วันที่ : 27-04-2016
-
ผู้ถูกละเมิด
- นายบุรินทร์
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- สิทธิในความมั่นคงปลอดภัย
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ทหาร
ครั้งที่ : 2
วันที่ : 29-04-2016
-
ผู้ถูกละเมิด
- นายบุรินทร์
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพการแสดงออก
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ทหาร
- ตำรวจ
ครั้งที่ : 1
วันที่ : 06-05-2016
-
ผู้ถูกละเมิด
- นางสาวพัฒน์นรี
-
ประเด็นการละเมิดสิทธิ
- เสรีภาพการแสดงออก
- สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
-
รูปแบบการละเมิดสิทธิ
- จับกุม / ควบคุมตัว
-
ผู้ละเมิด
- ทหาร
- ตำรวจ
พฤติการณ์การละเมิด
27 เม.ย. 2559 เวลา 18.00 น. ประชาชนจำนวนหนึ่งทยอยเดินทางมาที่บริเวณวิคตอรี พอยต์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อร่วมทำกิจกรรม "ยืนเฉยๆ" กับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการจับกุมคุมขังตามอำเภอใจ และเรียกร้องให้ปล่อยตัวแอดมินเพจ "เรารัก พล.อ.ประยุทธ์" รวม 8 คน ที่ถูกนำไปควบคุมไว้ในค่ายทหาร ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันเดียวกันนี้ แต่หลังทำกิจกรรมได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมผู้ร่วมชุมนุมและนำตัวไปยัง สน.พญาไท รวมทั้งสิ้น 16 คน
ระหว่างที่ทั้ง 16 คน ถูกสอบประวัติอยู่ที่ สน.พญาไท เจ้าหน้าที่ทหาร นำโดย พ.ท.พีรยุทธ เศวตเศรนี ได้เดินทางมาถึงและเข้าควบคุมตัวนายบุรินทร์ (สงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมมาจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ขึ้นรถตู้ของกองพันทหารสื่อสารที่ 2 รักษาพระองค์ ออกไปจาก สน.พญาไท โดยไม่มีการแจ้งว่า จะนำตัวไปที่ใด มีข้อมูลว่า การควบคุมตัวครั้งนี้เนื่องจากบุรินทร์เป็นผู้ต้องสงสัยว่าได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
29 เม.ย. 2559 พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง รอง ผกก. (สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เดินทางไปศาลทหารกรุงเทพเพื่อยื่นคำร้องขอออกหมายจับนายบุรินทร์ในข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หลัง ร.ท.ชวิน ชยาวิวัฒนาวงศ์ นายทหารพระธรรมนูญ กรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
เวลา 16.30 น. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ คณะทำงานพิเศษฝ่ายกฎหมาย คสช. ได้นำตัวนายบุรินทร์ไปที่ บก.ปอท. ส่งให้ พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง ดำเนินคดี ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 33/2559 ลงวันที่ 29 เม.ย. 2559
พ.อ.บุรินทร์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ทหารเฝ้าติดตามพฤติกรรมนายบุรินทร์ หลังจากสายข่าวพบการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลและ คสช. รวมทั้งมีการแชทพูดคุยกับบุคคลอื่นโดยมีข้อความเข้าข่ายผิดมาตรา 112 กระทั่งวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลา 12.13 น. นายบุรินทร์โพสต์คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 40 นาที พร้อมข้อความ “นู๋อยากโดนอุ้ม#ปล่อยเพื่อนเราที่โดนอุ้ม” ก่อนจะมีบุคคลเข้ามาแสดงความคิดเห็นในคลิปดังกล่าว และนายบุรินทร์ตอบความคิดเห็นในลักษณะหมิ่นเบื้องสูง
พ.อ.บุรินทร์ กล่าวว่า หลังจากนายบุรินทร์เป็น 1 ใน 16 รายที่ถูกตำรวจ สน.พญาไท ควบคุมตัว ขณะทำกิจกรรม ”ยืนเฉยๆ” ทหารจึงเดินทางไปยัง สน.พญาไท เพื่อเชิญตัวนายบุรินทร์มาควบคุมตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 จากนั้นวันที่ 28 เม.ย. 2559 ทหารได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับนายบุรินทร์ และศาลทหารออกหมายจับในวันนี้ นอกจากนี้มีการขยายผลตรวจค้นที่พักของนายบุรินทร์ พบซีพียูคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเล่นเฟซบุ๊ก จำนวน 3 เครื่อง และขันแดง (ที่แจกในวันสงกรานต์) 1 ใบ ส่วนโทรศัพท์ นายบุรินทร์ฝากไว้กับเพื่อน อยู่ระหว่างติดตามตัวเพื่อนคนดังกล่าวเพื่อตรวจยึดโทรศัพท์
ด้าน พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร กล่าวว่า ได้รับตัวนายบุรินทร์จากทหาร ก่อนจะสอบปากคำ พร้อมตรวจสอบซีพียูคอมพิวเตอร์ที่ได้มาว่ามีข้อมูลใดบ้าง ทั้งนี้จะนำตัวนายบุรินทร์ฝากขังศาลทหารก่อนเวลา 09.00 น. ในวันที่ 30 เม.ย. 2559
ทนายเบญจรัตน์ มีเทียน ซึ่งเดินทางไปร่วมในระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหาในเวลาประมาณ 21.00 น. ระบุว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากข้อความในเฟซบุ๊กจำนวน 2 ข้อความ โดยเบื้องต้น นายบุรินทร์ได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะไปให้การในชั้นศาลต่อไป
บุรินทร์เล่าในภายหลังว่า ในคืนวันที่เขาถูกคุมตัวอยู่ที่ มทบ. 11 เจ้าหน้าที่ทหารพยายามที่จะให้เขามอบรหัสผ่านเฟซบุ๊กของเขาให้ แต่เขาไม่ยอมและใช้วิธีเงียบและไม่โต้เถียง ไม่ให้ข้อมูลแล้วก็ไม่ต่อปากต่อคำ นั่นอาจทำให้ผู้ควบคุมตัวไม่พอใจ ชายร่างใหญ่ในชุดปกติ สวมหมวกไหมพรมคลุมศีรษะตบเขาที่บริเวณศีรษะอย่างแรงถึง 4 ครั้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ในห้องสอบสวนข่มขู่เขาว่า “มึงไม่รอดหรอก ไม่ได้ออกไปแน่ ถ้ามึงไม่บอกกู มึงจะโดนพาไปที่ๆ หนักกว่านี้”
เขายืนยันว่าเขาไม่ได้มอบรหัสผ่านเฟซบุ๊กให้เจ้าหน้าที่แต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่กลับนำสำเนาเอกสารการพูดคุยในกล่องข้อความที่ถูกระบุว่าเป็นของเขา ออกมาประกอบการสอบสวน ที่สำคัญ เอกสารดังกล่าวปรากฏก่อนที่จะมีการไปยึดคอมพิวเตอร์ที่บ้านเขาเสียอีก อย่างไรก็ตาม ทนายความระบุว่า บุรินทร์เป็นชาวบ้านธรรมดาที่เพิ่งออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีมากนัก เขาเริ่มเล่นเฟซบุ๊กมาได้สักพักใหญ่และตั้งรหัสแบบจำง่ายที่ชาวบ้านร้านตลาดมักทำกัน นั่นคือ หมายเลขโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
(อ้างอิง: https://www.tlhr2014.com/?p=401, https://www.tlhr2014.com/?p=2492, https://www.matichon.co.th/politics/news_121559 และ https://prachatai.com/journal/2016/05/65976)
6 พ.ค. 2559 พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง ยื่นคำร้องต่อศาลทหารกรุงเทพ ขอออกหมายจับ น.ส.พัฒน์นรี (สงวนนามสกุล) มารดาของ “จ่านิว” หรือนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำนักศึกษาที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวคัดค้าน คสช. ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หลังเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2559 ร.ท.ชวิน ชยาวิวัฒนาวงศ์ นายทหารพระธรรมนูญ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยศาลทหารกรุงเทพอนุมัติออกหมายจับที่ 36/2559
เวลา 16.00 น. มารดาจ่านิวพร้อมทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ลงวันที่วันเดียวกันนี้ นายธีรพันธุ์ พันธุ์คีรี ทนายความให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ที่มาวันนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ มามอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แม่ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดแต่อย่างใด
พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยบรรยายพฤติกรรมที่กระทำความผิดว่า นายบุรินทร์ซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ไปก่อนหน้านี้ได้ลงข้อความผ่านเฟซบุ๊กที่มีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่มารดาจ่านิวไม่ได้ห้ามปราม ตำหนิ หรือต่อว่าให้หยุดการกระทำดังกล่าว จึงถือว่ามีส่วนร่วมกับนายบุรินทร์ในการกระทำความผิด
หลังรับทราบข้อกล่าวหาทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักประกันเงินสด 5 แสนบาท พนักงานสอบสวนได้ปรึกษากับผู้บังคับบัญชาแล้วมีความเห็นว่า ไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ และมีอัตราโทษสูง เกรงว่าหากได้รับการประกันตัว ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
จากนั้นมารดาจ่านิวถูกนำตัวไปควบคุมที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อรอพนักงานสอบสวนนำตัวไปขออนุญาตฝากขังต่อศาลทหารกรุงเทพในวันอาทิตย์ที่ 8 พ.ค. 2559 เวลา 9.00 น.
7 พ.ค. 2559 พัฒน์นรีถูกนำตัวไปที่ บก.ปอท. เพื่อทำเรื่องย้ายสถานที่ควบคุมตัวจาก สน.ทุ่งสองห้อง ไปยังกองบังคับการปราบปราม โดยนายสิรวิชญ์ได้เดินทางเข้ามาเยี่ยมมารดา ต่อมา เวลา 13.00 น. พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท.หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีนี้ และ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ได้ร่วมกันแถลงข่าว ขณะที่มารดาจ่านิวปฏิเสธที่จะเข้าร่วม ด้านทนายความและจ่านิวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าในห้องแถลงข่าวแต่อย่างใด
ในขณะที่การแถลงข่าวยังไม่เสร็จสิ้น นายสิรวิชญ์ได้รับการติดต่อจากน้องสาวซึ่งอยู่กับยายที่บ้านว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย จาก บก.ปอท. นำหมายค้นไปที่บ้าน จากนั้น ได้เข้าตรวจค้นบ้านและยึดเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีจำนวน 1 เครื่อง และเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ร่วมกันในบ้านอีก 1 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเข้าค้นบ้านประมาณ 1 ชั่วโมง และก่อนหน้าที่จะเข้าค้นบ้าน เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าอยู่นอกบ้านประมาณครึ่งชั่วโมง โดยแม้นายสิรวิชญ์จะแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าให้รอตนและทนายความกลับไปก่อนค่อยดำเนินการ เพราะที่บ้านมีแต่เด็กและคนชรา แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ไปโดยที่ไม่รอนายสิรวิชญ์กลับมา และเจ้าหน้าที่จะมีความพยายามจะให้ยายของนายสิรวิชญ์ลงชื่อในเอกสาร แต่ยายไม่ยินยอมเซ็น
(อ้างอิง: https://tlhr2014.wordpress.com/2016/05/07/janew_mom_112/ และ https://tlhr2014.wordpress.com/2016/05/06/janew_mom_chat_fb_112/)
ระหว่างที่ทั้ง 16 คน ถูกสอบประวัติอยู่ที่ สน.พญาไท เจ้าหน้าที่ทหาร นำโดย พ.ท.พีรยุทธ เศวตเศรนี ได้เดินทางมาถึงและเข้าควบคุมตัวนายบุรินทร์ (สงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมมาจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ขึ้นรถตู้ของกองพันทหารสื่อสารที่ 2 รักษาพระองค์ ออกไปจาก สน.พญาไท โดยไม่มีการแจ้งว่า จะนำตัวไปที่ใด มีข้อมูลว่า การควบคุมตัวครั้งนี้เนื่องจากบุรินทร์เป็นผู้ต้องสงสัยว่าได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
29 เม.ย. 2559 พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง รอง ผกก. (สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เดินทางไปศาลทหารกรุงเทพเพื่อยื่นคำร้องขอออกหมายจับนายบุรินทร์ในข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หลัง ร.ท.ชวิน ชยาวิวัฒนาวงศ์ นายทหารพระธรรมนูญ กรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
เวลา 16.30 น. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ คณะทำงานพิเศษฝ่ายกฎหมาย คสช. ได้นำตัวนายบุรินทร์ไปที่ บก.ปอท. ส่งให้ พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง ดำเนินคดี ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 33/2559 ลงวันที่ 29 เม.ย. 2559
พ.อ.บุรินทร์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ทหารเฝ้าติดตามพฤติกรรมนายบุรินทร์ หลังจากสายข่าวพบการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลและ คสช. รวมทั้งมีการแชทพูดคุยกับบุคคลอื่นโดยมีข้อความเข้าข่ายผิดมาตรา 112 กระทั่งวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลา 12.13 น. นายบุรินทร์โพสต์คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 40 นาที พร้อมข้อความ “นู๋อยากโดนอุ้ม#ปล่อยเพื่อนเราที่โดนอุ้ม” ก่อนจะมีบุคคลเข้ามาแสดงความคิดเห็นในคลิปดังกล่าว และนายบุรินทร์ตอบความคิดเห็นในลักษณะหมิ่นเบื้องสูง
พ.อ.บุรินทร์ กล่าวว่า หลังจากนายบุรินทร์เป็น 1 ใน 16 รายที่ถูกตำรวจ สน.พญาไท ควบคุมตัว ขณะทำกิจกรรม ”ยืนเฉยๆ” ทหารจึงเดินทางไปยัง สน.พญาไท เพื่อเชิญตัวนายบุรินทร์มาควบคุมตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 จากนั้นวันที่ 28 เม.ย. 2559 ทหารได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับนายบุรินทร์ และศาลทหารออกหมายจับในวันนี้ นอกจากนี้มีการขยายผลตรวจค้นที่พักของนายบุรินทร์ พบซีพียูคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเล่นเฟซบุ๊ก จำนวน 3 เครื่อง และขันแดง (ที่แจกในวันสงกรานต์) 1 ใบ ส่วนโทรศัพท์ นายบุรินทร์ฝากไว้กับเพื่อน อยู่ระหว่างติดตามตัวเพื่อนคนดังกล่าวเพื่อตรวจยึดโทรศัพท์
ด้าน พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร กล่าวว่า ได้รับตัวนายบุรินทร์จากทหาร ก่อนจะสอบปากคำ พร้อมตรวจสอบซีพียูคอมพิวเตอร์ที่ได้มาว่ามีข้อมูลใดบ้าง ทั้งนี้จะนำตัวนายบุรินทร์ฝากขังศาลทหารก่อนเวลา 09.00 น. ในวันที่ 30 เม.ย. 2559
ทนายเบญจรัตน์ มีเทียน ซึ่งเดินทางไปร่วมในระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหาในเวลาประมาณ 21.00 น. ระบุว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากข้อความในเฟซบุ๊กจำนวน 2 ข้อความ โดยเบื้องต้น นายบุรินทร์ได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะไปให้การในชั้นศาลต่อไป
บุรินทร์เล่าในภายหลังว่า ในคืนวันที่เขาถูกคุมตัวอยู่ที่ มทบ. 11 เจ้าหน้าที่ทหารพยายามที่จะให้เขามอบรหัสผ่านเฟซบุ๊กของเขาให้ แต่เขาไม่ยอมและใช้วิธีเงียบและไม่โต้เถียง ไม่ให้ข้อมูลแล้วก็ไม่ต่อปากต่อคำ นั่นอาจทำให้ผู้ควบคุมตัวไม่พอใจ ชายร่างใหญ่ในชุดปกติ สวมหมวกไหมพรมคลุมศีรษะตบเขาที่บริเวณศีรษะอย่างแรงถึง 4 ครั้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ในห้องสอบสวนข่มขู่เขาว่า “มึงไม่รอดหรอก ไม่ได้ออกไปแน่ ถ้ามึงไม่บอกกู มึงจะโดนพาไปที่ๆ หนักกว่านี้”
เขายืนยันว่าเขาไม่ได้มอบรหัสผ่านเฟซบุ๊กให้เจ้าหน้าที่แต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่กลับนำสำเนาเอกสารการพูดคุยในกล่องข้อความที่ถูกระบุว่าเป็นของเขา ออกมาประกอบการสอบสวน ที่สำคัญ เอกสารดังกล่าวปรากฏก่อนที่จะมีการไปยึดคอมพิวเตอร์ที่บ้านเขาเสียอีก อย่างไรก็ตาม ทนายความระบุว่า บุรินทร์เป็นชาวบ้านธรรมดาที่เพิ่งออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีมากนัก เขาเริ่มเล่นเฟซบุ๊กมาได้สักพักใหญ่และตั้งรหัสแบบจำง่ายที่ชาวบ้านร้านตลาดมักทำกัน นั่นคือ หมายเลขโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
(อ้างอิง: https://www.tlhr2014.com/?p=401, https://www.tlhr2014.com/?p=2492, https://www.matichon.co.th/politics/news_121559 และ https://prachatai.com/journal/2016/05/65976)
6 พ.ค. 2559 พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง ยื่นคำร้องต่อศาลทหารกรุงเทพ ขอออกหมายจับ น.ส.พัฒน์นรี (สงวนนามสกุล) มารดาของ “จ่านิว” หรือนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำนักศึกษาที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวคัดค้าน คสช. ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หลังเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2559 ร.ท.ชวิน ชยาวิวัฒนาวงศ์ นายทหารพระธรรมนูญ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยศาลทหารกรุงเทพอนุมัติออกหมายจับที่ 36/2559
เวลา 16.00 น. มารดาจ่านิวพร้อมทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ลงวันที่วันเดียวกันนี้ นายธีรพันธุ์ พันธุ์คีรี ทนายความให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ที่มาวันนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ มามอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แม่ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดแต่อย่างใด
พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยบรรยายพฤติกรรมที่กระทำความผิดว่า นายบุรินทร์ซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ไปก่อนหน้านี้ได้ลงข้อความผ่านเฟซบุ๊กที่มีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่มารดาจ่านิวไม่ได้ห้ามปราม ตำหนิ หรือต่อว่าให้หยุดการกระทำดังกล่าว จึงถือว่ามีส่วนร่วมกับนายบุรินทร์ในการกระทำความผิด
หลังรับทราบข้อกล่าวหาทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักประกันเงินสด 5 แสนบาท พนักงานสอบสวนได้ปรึกษากับผู้บังคับบัญชาแล้วมีความเห็นว่า ไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ และมีอัตราโทษสูง เกรงว่าหากได้รับการประกันตัว ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
จากนั้นมารดาจ่านิวถูกนำตัวไปควบคุมที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อรอพนักงานสอบสวนนำตัวไปขออนุญาตฝากขังต่อศาลทหารกรุงเทพในวันอาทิตย์ที่ 8 พ.ค. 2559 เวลา 9.00 น.
7 พ.ค. 2559 พัฒน์นรีถูกนำตัวไปที่ บก.ปอท. เพื่อทำเรื่องย้ายสถานที่ควบคุมตัวจาก สน.ทุ่งสองห้อง ไปยังกองบังคับการปราบปราม โดยนายสิรวิชญ์ได้เดินทางเข้ามาเยี่ยมมารดา ต่อมา เวลา 13.00 น. พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท.หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีนี้ และ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ได้ร่วมกันแถลงข่าว ขณะที่มารดาจ่านิวปฏิเสธที่จะเข้าร่วม ด้านทนายความและจ่านิวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าในห้องแถลงข่าวแต่อย่างใด
ในขณะที่การแถลงข่าวยังไม่เสร็จสิ้น นายสิรวิชญ์ได้รับการติดต่อจากน้องสาวซึ่งอยู่กับยายที่บ้านว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย จาก บก.ปอท. นำหมายค้นไปที่บ้าน จากนั้น ได้เข้าตรวจค้นบ้านและยึดเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีจำนวน 1 เครื่อง และเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ร่วมกันในบ้านอีก 1 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเข้าค้นบ้านประมาณ 1 ชั่วโมง และก่อนหน้าที่จะเข้าค้นบ้าน เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าอยู่นอกบ้านประมาณครึ่งชั่วโมง โดยแม้นายสิรวิชญ์จะแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าให้รอตนและทนายความกลับไปก่อนค่อยดำเนินการ เพราะที่บ้านมีแต่เด็กและคนชรา แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ไปโดยที่ไม่รอนายสิรวิชญ์กลับมา และเจ้าหน้าที่จะมีความพยายามจะให้ยายของนายสิรวิชญ์ลงชื่อในเอกสาร แต่ยายไม่ยินยอมเซ็น
(อ้างอิง: https://tlhr2014.wordpress.com/2016/05/07/janew_mom_112/ และ https://tlhr2014.wordpress.com/2016/05/06/janew_mom_chat_fb_112/)
สถานะของเรื่อง
วันที่ : 06-05-2016
ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์การจับกุม น.ส. พัฒน์นรี ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มีใจความว่า ขอประณามการกระทำดังกล่าวที่เป็นการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในเรื่องการหมิ่นสถาบัน ตามอำเภอใจ อีกทั้งถือเป็นความตกต่ำครั้งใหม่ของ คสช. ซึ่งมีผลสร้างบรรยากาศแห่งความกลัวในสังคมไทย และไม่เป็นผลดีต่อการปกป้องสถาบัน ทั้งนี้ นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำภูมิภาคเอเชีย ระบุในแถลงการณ์นี้ว่าการตั้งข้อหา น.ส.พัฒน์นรี เป็นการปิดปากกลุ่มผู้วิพากษ์วิจารณ์ และการดำเนินคดีบุคคลจากข้อความตอบรับแบบไม่เฉพาะเจาะจงในเฟซบุ๊กนั้น ถือเป็นการบิดเบือนกฎหมายอย่างร้ายกาจ อีกทั้ง น.ส.พัฒน์นรีไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว เพราะถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในคดีร้ายแรง อย่างไรก็ตาม ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้เคยกล่าวไว้เมื่อปี 2554 ว่ากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทยมีความคลุมเครือ และเปิดให้ตีความกว้างเกินไป รวมถึงบทลงโทษมีความร้ายแรงเกินจำเป็น อีกทั้งไม่ได้ช่วยปกป้องสถาบันหรือความมั่นคงแห่งชาติ
นายอดัมส์ ระบุอีกว่า รัฐบาลทหารเข้าควบคุมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างเบ็ดเสร็จ และสร้างบรรยากาศแห่งความกลัว โดยอ้างว่าเป็นการปกป้องสถาบัน และการจับกุมพร้อมตั้งข้อหาตามอำเภอใจแก่มารดาของนักกิจกรรมซึ่งเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าประเทศไทยไม่ได้ให้คุณค่ากับหลักการสิทธิมนุษยชน
(อ้างอิง: https://www.dailynews.co.th/politics/396130)
วันที่ : 08-05-2016
พนักงานสอบสวน ปอท. ได้ยื่นคำร้องฝากขัง น.ส.พัฒน์นรี ต่อศาลทหารกรุงเทพ โดยคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าหากได้รับการประกันตัว ผู้ต้องหาอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทนายความได้ยื่นคัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวน แต่ศาลทหารอนุญาตให้ฝากขัง น.ส.พัฒน์นรี ไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ระหว่างวันที่ 8-19 พ.ค. 2559 ทนายความจึงยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักประกันเงินสด 500,000 บาท จากการระดมทุนเพื่อประกันตัวเพื่อนของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ศาลมีคำสั่งอนุญาต โดยมีเงื่อนไขห้ามไม่ให้ผู้ต้องหากระทำการใดๆ ในลักษณะยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
วันที่ : 12-07-2016
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง น.ส.พัฒน์นรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา14(3)
วันที่ : 22-07-2016
ครบฝากขังผัดที่ 7 ของนายบุรินทร์ อัยการศาลทหารกรุงเทพได้มีคำสั่งฟ้องนายบุรินทร์ ผู้ต้องหาที่ 1 และ น.ส.พัฒน์นรี ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3) แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องพัฒน์นรีในคดีนี้แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนเพิ่งโทรศัพท์แจ้งทนายความของพัฒน์นรีในตอนเช้าวันเดียวกันนี้ ทำให้พัฒน์นรีไม่สามารถมาศาลได้ และยังไม่ได้เตรียมเงินประกันตัว ทนายความจึงได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดการเข้ารายงานตัวของพัฒน์นรี เป็นวันที่ 1 ส.ค. 2559 ในส่วนของบุรินทร์ ซึ่งไม่ได้ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำ อัยการศาลทหารกรุงเทพได้ยื่นฟ้องต่อศาลทหารกรุงเทพแล้วในวันนี้ โดยศาลยังไม่ได้กำหนดวันนัดสอบคำให้การ
วันที่ : 01-08-2016
อัยการศาลทหารกรุงเทพยื่นฟ้อง น.ส.พัฒน์นรี ต่อศาลทหารกรุงเทพ ในความผิดฐานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) โดยกล่าวหาว่า พัฒน์นรีร่วมกับบุรินทร์ พิมพ์ข้อความสนทนาโต้ตอบกันผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 หลังศาลรับฟ้อง จำเลยได้ยื่นขอประกันตัวด้วยวงเงินจำนวน 500,000 บาท ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัว โดยมีเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศก่อนได้รับอนุญาตและห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง
วันที่ : 27-01-2017
ศาลทหารกรุงเทพอ่านคำพิพากษาโดยเปิดเผย พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดรวม 2 กระทง 1. ฐานร่วมกันหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯ (จากการแชทในเฟซบุ๊ก) เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 112 อันมีโทษหนักที่สุด จำคุก 7 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 9 ปี 4 เดือน จำเลยรับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 4 ปี 8 เดือน
2. ฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จและเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯ (จากการพิมพ์ข้อความในเฟซบุ๊ก) เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 112 อันมีโทษหนักที่สุด จำคุก 10 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 13 ปี 4 เดือน จำเลยรับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 6 ปี 8 เดือน
รวมโทษ 2 กระทง คงให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 10 ปี 16 เดือน
สาเหตุที่มีการเพิ่มโทษเนื่องจากนายบุรินทร์เคยถูกพิพากษามีโทษจำคุกมาก่อนและเพิ่งพ้นโทษเมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นการกระทำความผิดซ้ำภายใน 5 ปี หลังฟังคำพิพากษาบุรินทร์ได้แจ้งทนายความว่าไม่ประสงค์จะอุทธรณ์ในคดีนี้แล้ว
วันที่ : 06-08-2019
ศาลทหารกรุงเทพแจ้งให้คู่ความทราบว่า คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 9/2562 ทำให้คดีของพัฒน์นรีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทหารอีกต่อไป แต่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม จึงให้ยกเลิกนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 28 ส.ค. 2562 และงดการพิจารณาคดีไว้ชั่วคราว กับให้โอนคดีไปยังศาลยุติธรรม และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลนี้ ให้สัญญาประกันยังมีผลต่อไปตั้งแต่อัยการทหารยื่นฟ้องพัฒน์นรีจนถึงวันนี้ซึ่งศาลทหารมีคำสั่งให้โอนคดีไปยังศาลยุติธรรมเป็นเวลา 3 ปีเศษ ศาลทหารกรุงเทพสืบพยานโจทก์ไปได้ทั้งหมด 6 ปาก จากทั้งหมด 17 ปาก และยังมีพยานจำเลยที่ต้องสืบอีก 5 ปาก
วันที่ : 29-01-2020
ศาลอาญา รัชดาฯ นัดพร้อมเพื่อกำหนดวันสืบพยาน หลังคดีโอนย้ายมาจากศาลทหารกรุงเทพ ศาลให้คู่ความตกลงเรื่องการยอมรับหรือตัดพยานในสำนวนคดีที่เหลือ ทำให้เหลือพยานโจทก์ที่ต้องสืบเพียง 1 ปาก คือ พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง พนักงานสอบสวน ส่วนพยานจำเลยยังคงติดใจสืบพยานบุคคลตามบัญชีระบุพยานที่เคยยื่นต่อศาลทหารกรุงเทพ จำนวน 5 ปาก รวมจ่านิวซึ่งถูกคุกคามจากการเป็นนักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตย โดยคู่ความได้ตกลงกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยระหว่างวันที่ 3 – 4 พ.ย. 2563 เวลา 9.00 น.
จากนั้นในเวลา 14.00 น. พัฒน์นรีได้ถูกควบคุมตัวในห้องใต้ถุนศาลอาญา เพื่อรอให้นายประกันทำเรื่องประกันตัวต่อจากศาลทหารโดยใช้หลักทรัพย์เดิมที่เคยวางไว้เป็นเงินสด 500,000 บาท หลังการทำเรื่องประกันตัวเสร็จสิ้น ศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวพัฒน์นรีชั่วคราว แต่มีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
ภูมิหลัง
-
นายบุรินทร์ช่างเชื่อมเหล็ก สนใจการเมืองตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ปฏิเสธที่จะเรียกตนเองว่า คนเสื้อแดง เขานิยามตนเองว่า เป็นคนที่เห็นใจคนเสื้อแดงและคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เข้าร่วมกิจกรรมการเมืองครั้งแรกในเหตุการณ์ที่นักศึกษาโดนจับไป สน.ปทุมวัน ในวันที่ 22 พ.ค. 2558
อ่านเพิ่มเติมที่ https://prachatai.com/journal/2016/05/65976 และ https://www.tlhr2014.com/?p=2492 -
นางสาวพัฒน์นรีมารดาของสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและคัดค้านการรัฐประหาร พัฒน์นรีมีอาชีพรับจ้างทำความสะอาดบ้าน ไม่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อน เพียงแต่ไปติดตามสิรวิชญ์เมื่อสิรวิชญ์ไปทำกิจกรรมต่างๆ ภายหลังจากถูกดำเนินคดีมาตรา 112 นี้ เธอยังถูกดำเนินคดีร่วมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้งอีก 2 คดี ได้แก่ คดีการชุมนุมที่สกายวอล์กบริเวณห้างมาบุญครอง หรือ MBK39 และคดีการชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน หรือคดี RDN50
แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์