ผู้ถูกดำเนินคดี
ข้อหา
หมายเลขคดี
  • ทำให้เสียทรัพย์ (มาตรา 358)
  • อื่นๆ (ไต่สวนชันสูตรพลิกศพ, เลิกจ้าง(คดีแรงงาน), แจ้งความเท็จ, ซ่อนเร้นพยานหลักฐาน)
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • อั้งยี่ (มาตรา 209)
ดำ 364/2561
แดง 943/2561

ผู้กล่าวหา
  • นายจำรัส นาคา (ฝ่ายปกครอง)
  • ทำให้เสียทรัพย์ (มาตรา 358)
  • อื่นๆ (ไต่สวนชันสูตรพลิกศพ, เลิกจ้าง(คดีแรงงาน), แจ้งความเท็จ, ซ่อนเร้นพยานหลักฐาน)
  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • อั้งยี่ (มาตรา 209)
ดำ 364/2561
แดง 943/2561

ผู้กล่าวหา
  • นายจำรัส นาคา (ฝ่ายปกครอง)
ผู้ถูกดำเนินคดี

ข้อหา

  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • ทำให้เสียทรัพย์ (มาตรา 358)
  • อั้งยี่ (มาตรา 209)
  • อื่นๆ (ไต่สวนชันสูตรพลิกศพ, เลิกจ้าง(คดีแรงงาน), แจ้งความเท็จ, ซ่อนเร้นพยานหลักฐาน)

หมายเลขคดี

ดำ 364/2561
แดง 943/2561
ผู้กล่าวหา
  • นายจำรัส นาคา

ข้อหา

  • หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112)
  • ทำให้เสียทรัพย์ (มาตรา 358)
  • อั้งยี่ (มาตรา 209)
  • อื่นๆ (ไต่สวนชันสูตรพลิกศพ, เลิกจ้าง(คดีแรงงาน), แจ้งความเท็จ, ซ่อนเร้นพยานหลักฐาน)

หมายเลขคดี

ดำ 364/2561
แดง 943/2561
ผู้กล่าวหา
  • นายจำรัส นาคา

ความสำคัญของคดี

จำเลย 2 คน เป็นผู้ชักจูงให้วัยรุ่นก่อเหตุเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ใน อ.บ้านไผ่ แล้วถูกดำเนินคดีในข้อหา อั้งยี่ ซ่องโจร วางเพลิงเผาทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ และ ม.112 หลังถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวโดยพลการในค่ายทหาร รวม 7 วัน อันเป็นการละเมิดสิทธิในความมั่นคงปลอดภัย อีกทั้งการดำเนินคดีโดยตั้งข้อหาตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 ถือเป็นการขยายขอบเขตการใช้กฎหมายดังกล่าวออกไปอย่างกว้างขวาง และในการพิจารณาคดี ศาลดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยไม่แจ้งทนายจำเลยและญาติให้ทราบก่อนล่วงหน้าและเข้าร่วมกระบวนการ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพมาตั้งแต่ในชั้นสอบสวน และในที่สุดศาลจะยกฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหา ม.112 ก็ตาม

พฤติการณ์ของคดีตามเอกสารคดี

1. เมื่อวันที่ใดไม่ปรากฏชัด ถึงวันที่ 3 พ.ค. 60 จำเลยทั้ง 2 กับพวก ได้เข้าเป็นสมาชิกของคณะบุคคลที่มุ่งประสงค์จะวางเพลิงเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติซึ่งประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ซึ่งตั้งอยู่ร่องกลางถนนหมายเลข 23 (เส้นทางบ้านไผ่-บรบือ) บริเวณบ้านโคกก่อง หมู่ 2, 11 ต.หินตั้ง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น โดยประชาชนทั่วไปไม่อาจรู้ได้ อันเป็นการปกปิดวิธีการ และมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
2. วันที่ 3 พ.ค. 60 จำเลยทั้ง ุ2 กับพวก ได้ประชุมวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำที่กระท่อมของจำเลยที่ 1 และมีการเปิดคลิปวีดิโอ เนื้อหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบอบ และจัดเตรียมถุงบรรจุน้ำมันจำนวนหลายถุงเพื่อไปวางเพลิงเผาซุ้มดังกล่าว อันเป็นการสมคบกันตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ อันเป็นความผิดฐานเป็นซ่องโจร
3. ตามวัน เวลาข้างต้น หลังประชุมวางแผน จำเลยทั้ง 2 กับพวกได้ร่วมกันวางเพลิงเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติซึ่งประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ อบต.หินตั้ง เป็นการร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาดมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยการใช้ถุงบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนหลายถุงขว้างใส่และเทราดใส่ซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ จนเปียกชุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง แล้วใช้ไฟแช็กจุดไฟใส่ซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ จนได้รับความเสียหายบางส่วน อันเป็นการทำให้เสียทรัพย์ คิดเป็นค่าเสียหาย 3,000 บาท

ความคืบหน้าของคดี

  • ศาลเบิกตัวจำเลยทั้งสองมาจากเรือนจำมาอ่านฟ้องให้ฟัง และถามคำให้การ จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ และโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 พ.ค. 61 โดยให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งสองก่อนมีคำพิพากษา
  • ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 18 มิ.ย. 61 โดยระบุว่า เนื่องจากยังเรียงคำพิพากษาไม่เสร็จ
  • ก่อนอ่านคำพิพากษา ศาลได้ให้จำเลยทั้งสองอ่านรายงานการสืบเสาะและพินิจ ซึ่งพนักงานคุมประพฤติจัดทำมาตามคำสั่งของศาล จำเลยทั้งสองอ่านแล้วไม่คัดค้าน ศาลอ่านทบทวนคำฟ้องและถามคำให้การในคดีทั้งสามอีกครั้ง จำเลยทั้งสองยืนยันให้การรับสารภาพ ศาลจึงอ่านคำพิพากษา พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ม.209 วรรคแรก, 210 วรรคสอง, 217, 358 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานเป็นอั้งยี่ จำคุกคนละ 1 ปี, ฐานเป็นซ่องโจร จำคุกคนละ 2 ปี, ฐานร่วมกันวางเพลิงฯ และทำให้เสียทรัพย์ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานวางเพลิงฯ จำคุกคนละ 7 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 5 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก (http://www.tlhr2014.com/th/?p=7816)
  • ทนายจำเลยเข้ายื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ระบุว่า ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองในข้อหาวางเพลิงฯ เป็นเวลา 7 ปีนั้น จำเลยเห็นว่า การกระทำความผิดของจำเลยนั้น เป็นเพียงฐานพยายามกระทำความผิดเท่านั้น ปรากฎตามคำฟ้องที่ระบุว่าซุ้มเฉลิมพระเกียรติได้รับความเสียหายบางส่วน โดยจำเลยอ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ได้วางหลักในเรื่องนี้ไว้ ซึ่งหากจำเลยมีความผิดฐานพยายามวางเพลิงฯ ศาลสามารถลงโทษจำเลยทั้งสองด้วยโทษ 2 ใน 3 ส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80 คำพิพากษาลงโทษฐานเป็นอั้งยี่และเป็นซ่องโจรก็เป็นโทษที่หนักเกินไปและไม่เหมาะสมกับพฤติการณ์เช่นกัน จำเลยทั้งสองจึงขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลดโทษและรอการลงโทษทางอาญาแก่จำเลยทั้งสอง

    ศาลจังหวัดพลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยในทั้ง 3 คดี ส่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาต่อไป

ชั้นสอบสวน

ผู้ถูกดำเนินคดี :
สาโรจน์

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-
ผู้ถูกดำเนินคดี :
ปรีชา

การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-

ศาลชั้นต้น

ผู้ถูกดำเนินคดี :
สาโรจน์

ชื่อองค์คณะผู้พิพากษา :
  1. นายเพิ่มศักดิ์ สุริยวนากุล
  2. นายพิทักษ์ พันธุ์วัฒนะสิงห์

ผลการพิพากษา
ลงโทษ
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-
พิพากษาวันที่ : 18-06-2018
ผู้ถูกดำเนินคดี :
ปรีชา

ชื่อองค์คณะผู้พิพากษา :
  1. นายเพิ่มศักดิ์ สุริยวนากุล
  2. นายพิทักษ์ พันธุ์วัฒนะสิงห์

ผลการพิพากษา
ลงโทษ
การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
-
พิพากษาวันที่ : 18-06-2018

ข้อสังเกต

คดีนี้ อาจไม่ใช่กรณีที่จำเลยใช้เสรีภาพในการแสดงออกโดยสันติ แต่ถือเป็นผลพวงของความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทยอยู่ในปัจจุบัน โดยฝ่ายที่ตรงข้ามกับรัฐ ถูกกดปราบ ปิดกั้น ไม่ได้รับการส่งเสริมให้แสดงออกอย่างสันติ และเท่าเทียมกับฝ่ายรัฐ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหาร ทำให้คนกลุ่มแรกหันไปเลือกใช้วิธีการที่ไม่ได้อยู่ในกรอบของกฎหมาย

แหล่งที่มา : กรณีที่ศูนย์ทนายความฯ ติดตามสัมภาษณ์